9.02.2554

การประเมินกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสปา

สำหรับผู้เริ่มต้นอยากประกอบธุรกิจสปา การหาข้อมูลของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา ต้องวิเคราะห์ลูกค้าให้ดี เพื่อการวางแผนธุรกิจสปาเพราะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการลงทุนของธุรกิจสปานั้นเป็นงบประมาณที่มาก จึงจะต้องวางแผนประเมินกลุ่มลูกค้าและแนวทางการตลาด ตั้งแต่ตกลงใจคัดเลือกสถานที่ หลังจากคัดเลือกสถานที่เรียบร้อยแล้วจะต้องวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าว่าเป็นลูกค้าแบบใด เพื่อวางแนวทางคอนเซ็ปต์ของธุรกิจสปาให้ถูกต้องแม่นยำ ตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น การแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยใช้หลักเกณฑ์ตามรายได้ต่อเดือนของลูกค้า หรือจากราคาห้องพักหรือณภาพของร้านค้าใกล้เคียงก็ได้




การประเมิณกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสปา
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสปา
กลุ่ม A หมายถึงกลุ่ม
ผู้บริหารที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 70,000 บาทขึ้นไป หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีระดับราคาห้องพักกว่า 5,000 บาท หรือตามศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยมต่าง ๆ

*ควรจะมีการตกแต่งสถานที่ให้เป็นสปาระดับ 5 ดาว เพราะลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงนั้นต้องการความรู้สึกที่มีรสนิยม ในการเข้ามาใช้บริการสปาประเภทนี้ จะต้องสร้างความภูมิใจในแบรนด์ โดยที่ลูกค้าจะไม่คำนึงถึงด้านราคาเท่าใดนัก

*การอบรมบุคลากรควรจะใช้พนักงานที่มีระดับความรู้สูงพอสมควรสามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงโปรแกรมบริการในแง่วิชาการได้ บุคลากรควรมีการฝึกอบรมจากสถาบันสภาที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ให้มีเทคนิคในการบริการเป็นแนวทาง เดียวกัน

*การตลาดควรประชาสัมพันธ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น นิตยสารที่มีข่าวคอลัมน์สังคมชั้นสูงหรือร่วมโปรโมชั่นกับรายการวิทยุโทรทัศน์ ที่มีกลุ่มตลาดระดับบน ให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ของสภาเป็นแบรนด์ระดับ เอ

กลุ่มB หมายถึงกลุ่ม
ลูกค้าระดับผู้บริหารหรือพนักงานบริษัทที่มีรายได้ระหว่าง 30,000-70,000 บาท หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางที่มีราคาห้องพักประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป หรือในศูนย์การค้าระดับ C ถึงระดับ B

*สถานที่ควรออกแบบดูดีแต่ไม่ต้องใช้ทุนสูงมีการจัดสรรพื้นที่อย่างมีระเบียบ สามารถนำวัสดุต่าง ๆ มาประยุกต์ตกแต่งอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากว่าผู้บริณคมีกำลังซื้อปานกลาง การตกแต่งที่ดูหพูฆเกินไป จะทำให้ลูกค้าเกรงในเรื่องราคาค่าบริการที่สูงเกินจริง
* บุคลากรควรมีความสามารถในการประชาสัมพันธ์และมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้ที่มาติดต่อและผู้ที่ทำธุรกิจใกล้เคียง เพื่อที่จะได้เป็นภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร การบริการในระดับนี้เรื่องภาพลักษณ์ของพนักงานนั้นสำคัญมาก
*การทำการตลาดควรมีการร่วมโปรโมชั่นและของแถมรวมทั้งมีบริการที่คุ้มค่ากับราคา นำบริการรูปแบบใหม่มาให้บริการลูกค้าอยู่เสมอ ควรมีการทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่าง ๆ หรือบัตรส่วนลดร่วมกับห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้เคียง ควรนำงบประมาณลงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีราคาแพงเพราะผู้บริโภคจะใช้บริการสปารูปแบบนี้ในย่านใกล้เคียงเท่านั้น

กลุ่ม C หมายถึงกลุ่ม
ลูกค้าทั่วไปที่มีรายได้ต่อเดือนไม่คงที่ เป็นกลุ่มที่เริ่มให้ความสนใจใช้บริการ แต่อาจใช้บริการเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสปาที่อยู่ทั่วไปในย่านชุมชนชานเมือง ผู้ประกอบการจะต้องมีความสามารถในการลงมือให้บริการหรือให้ข้อมูลด้วยตนเอง

* การตกแต่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย และสามารถเห็นกิจกรรมบริการบางอย่างจากภายนอกได้ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ตามชานเมือง หรือย่านที่อยู่อาศัยถ้าผู้ประกอบการตกแต่งพื้นที่เกินงบประมาณจะคืนทุนได้ช้า เพราะราคาขายไม่สามารถทำได้สูง
*บุคลากรของสปาประเภทนี้ มักควรเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นและสนใจศึกษาเพิ่มเติม มีความรู้ในเรื่องแนวทางสปาพอสมควร ผู้ประกอบการควรจัดหาครูมาสอนเทคนิคให้บริการเพื่อเสริมทักษะความรู้แก่พนักงานจะเป็นการประหยัดงบประมาณ มากกว่าส่งไปอบรมเป็นรายบุคคล

* เทคนิคในการทำตลาดของสปาประเภทนี้คือ กลไกในเรื่องราคารวมทั้งบริการที่คุ้มค่ามากที่สุด เน้นการประชาสัมพันธ์แบบขายตรง เช่นสมาชิกแนะนำสมาชิก หรือแจกใบปลิวส่วนลดทคาเป็นช่วง ๆ ไป การตั้งราคาขายจะต้องทำไว้เผื่อส่วนลดด้วย เช่น ซื้อหนึ่งคอร์สแถมหนึ่งคอรู้สึกรวมทั้งอาจมีการจับสลากรางวัลและการสะสมแต้มเป็นการติดต่อกับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

8.15.2554

การจดทะเบียนสปาและการติดต่อหน่วยงานราชการ




การเปิดร้านสปาต้องทำให้ถูกต้องตามกฎของการดำเนินธุรกิจสปาซึ่งก้มีหน่วยงานหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านสปาให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ ต้องทำการจดทะเบียนสปา ซึ่งจะสามารถทำได้ทั้งรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยต้องเตรียมเอกสารต่างดังนี้



การจดทะเบียนสปา
ภาพจากwww.baysider.com/business/view/72456

*เอกสารเปิดร้านสปาบุคคลธรรมดาหรือ นิติบคคล
-เอกสารการถือครองพื้นที่
-เอกการรับรองด้านความปลอดภัย วึ่งออกโยสำนักงานเขตโยธาพื้นที่
-เอกสารการจดทะเบียนร้านสปา เช่น ทะเบียนพาณิชย์,ทะเบียนร้าน,ทะเบียนห้างหุ้นส่วน,ทะเบียนบริษัท,ทะเบียนนิติบุคคล
-เอกสารรับรองประสบการณ์ด้านสปา เช่น เอกสารการอบรมของบุคลากรร้านสปา
-เอกสารทางด้านการสาธารณสุข
-เอกสารรับรองทรัพย์สินทางปัญญา

*หน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง
*1.กระทรวงมหาดไทย
งานที่เกี่ยวข้อง
-การรับรองความปลอดภัยของอาคาร
-การรับรองความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม
-การจัดสรรพื้นที่ สถานที่อาบ และอบ
-การลงทะเบียนการตรวจสุขภาพของพนักงาน โรคติดต่อที่อาจเป็นอันตราย ต่อ สุขภาพ
-ป้ายและสื่อการขาย ภาษีท้องถิ่น
-เอกสารภาษีสิ่งแวดล้อม

*2.กระทรวงพาณิชย์
งานที่เกี่ยวข้อง
-ทะเบียนพาณิชย์
-ลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา
-เครื่องหมายการค้า
-สมัครสมาชิกสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง
-เครื่องหมายบริการ

*3.กระทรวงการคลัง
งานที่เกี่ยวข้อง
-ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-ภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ภาษีสรรพสามิต การใช้อุปกรณ์อาบน้ำและอุปกรณ์อบไอน้ำ
-ภาษีบริการ

*4.กระทรวงสาธารณสุข
งานที่เกี่ยวข้อง
-ทะเบียนวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
-ทะเบียนผู้ให้บริการ
-ทะเบียนสถานประกอบการ
-เอกสารรับรองมาตรฐานสถานประกอบ



7.25.2554

การนวดและข้อปฏิบัติในการนวดสปา

การนวดเป็นหัวใจสำคัญในการทำสปา การนวดจะช่วยผ่อนคลายอาการ เมื่อยล้าและบำบัดอาการเจ็บปวดต่างๆได้ หลักในการนวด

-ควรเปิดเพลงเบาๆ เพื่อให้ผู้นวดและผู้ถูกนวด รู้สึก ผ่อนคลาย
-เลือกพื้นที่ไม่อ่อน หรือแข็งจนเกินไป
-ไม่ควรเทน้ำมันลงบนตัวผู้ถูกนวดโดยตรงให้เทใส่ฝ่ามือผู้นวด แล้วถูให้อุ่นก่อนลงมือนวด
-ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่น และควรถอดเครื่องประดับ ออก

การนวดสปา

ภาพจากtoplaza.com
พื้นฐานของการนวดมี 4 แบบ คือ การไถการกด กาพุบ กาพีบขยำ ซึ่งแต่ละครั้งที่นวดอาจใชิวธีใดวิธีหนึ่ง หรือประยุกต์ใช้รวมกันทั้ง 4วิธีก็ได้

*การไถ
ใช้มือทั้ง 2 ข้าง ไถบนบริเวณที่นวดเป็นทางยาวอย่างเบาๆ และช้าๆ มือทั้ง 2 ข้าง มาวางใกล้กันให้ระยะหัวแม่มือทั้ง 2 ห่างกันประมาณ 1 นิ้วไถเป็นจังหวะหากต้องการนวดหนักขึ้นให้ใช้หัวแม่มือ หรือแรงที่ข้อนิ้ว แต่ถ้าต้องการนวดเพียงเบาๆ ให้ใช้ปลายนิ้วหรือฝ่ามือไถ

*การทุบ
เป็นวิธีสวดที่เลียนแบบการตีกลอง หรือสับแบบคาทเต้ คือใช้สัพือกำหลวมๆ สับเร็วๆ น้ำหนักแรงพอดีสบายๆ นิยมใช้นวดต้นขา กันหลังและไหล่

*การบีบขยำ
ใช้มือขยำกล้ามเนื้อขึ้นมาบี้นิดเดียวพอใหรู้จักแล้วปล่อย นิยมใซ้นวดหน้าท้อง หรือเอวตอนนวดต้องเคลื่อนไหวมือให้เป็นจังหวะต่อเนื่อง

*การกด
เป็นวิธีนวดทีละจุด ใช้นิ้วเดียวหรือหลายนิ้วเคลื่อนเป็นวงกลม บางครั้งให้ใช้หัวแม่มือหรือส้นมือกด แรงกดจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดหากมีอาการช้ำหรือเจ็บห้ามกดบนตำแหน่งนั้นๆ

การนวดหลัง
1. ให้ผู้ถูกนวดนอนคว่ำ ใชิวธีการนวดแบบไถเป็นแนวยาวไปตามแผ่นหลัง ตั้งแต่กระดูกก้นกบไป จนถึงหัวไหล่
2. กดฝ่ามือลงแล้วไถลากฝ่ามือจากกระดูกก้นกบไปทางหัวไหล่ทั้ง 2 ให้น้ำหนักแล้วลากเป็นแนว ต่อเนื่อง กัน
3. ทีนี้ลากฝ่ามือไปทางสีข้าง ลดน้ำหนักที่กดลงไปให้เบาลง ทำจนทั่วบริเวณแผ่นหลัง
4+ ลูบหาแนวกระดูกสันหลัง แล้วใช้หัวแมมือกดวนเป็นวงกลม เบาบ้างหนักบ้าง ที่บริเวณ
กล้ามเนื้อที่ติดกับสันหลัง ระวังที่สุดอย่าไปกดบนกระดูกสันหลัง
5. ให้ผู้ที่ถูกนวดหันหน้าไปทางทิศตรงข้ามกับด้านหลังที่จะนวดส่วนบน (หากนวดหลังส่วนบน
ทางซ้ายให้หันทางทางขวา) แล้วใช้ฝ่ามือนวดขยำไปข้างหน้าสลับกับมาข้างหลัง จากนั้นไถสลับไปมา

การนวดหน้าและศีรษะ
1. ให้ผู้ถูก นวดนอนหงาย แล้ววางนิ้วหัวแม่มือบนหน้าผาก ลากไปทางขมับเบาๆ แล้วทำเช่นเดียวกันนี้ที่แก้ม
2. ใช้นิ้วชี้กดไล่ไปตามแนวขากรรไกร ในขณะทื่หัวเฌ่มือนวดเป็นวงกลมวนไปด้วย ประคองใบหน้าด้วยนิ้วที่เหลือ
3. ทีนี้นวดศีรษะโดยใช้นิ้วมือทั้งหมดกดลึกวนเป็นวงกลมเล็กๆ
4. ให้เอียงศีรษะผู้ถูกนวดไปหางด้านหนื่งด้านใด แล้วใช้มือกดบนต้นคอลูบไล่ไปทางไหล่ แล้วบีบที่ต้นคอเบาๆ พอกระตุ้นให้รู้สึก

ที่มา สปาในบ้านสไตล์คุณเอง

6.10.2554

เริ่มต้นเปิดธุรกิจสปาอย่างไร

การมีร้านสปาเป็นของตัวเองสักแห่ง คงเป็นความฝันของคนหลายๆคน วันนี้เลยนำข้อมูลมาฝาก เผื่อจะเป้นประโยชน์ใช้ประกอบการตัดสินใจให้ได้ในอนาคต

สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากสปา

1. ได้รับช่วงเวลาแห่งความสดชื่น เบิกบาน ตั้งแต่เหยียบย่างเข้าไปในอาณาบริเวณของสปา ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าคือ รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส ซึ่งสปาทุกแห่งมักจะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศ
ของความสดชื่นเบิกบาน เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความเพลิดเพลินกับความงดงาม สงบเงียบ ของสถานที่ ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจรุงใจของไม้ดอก และกลิ่นหอมบำบัด คือด้วยเสียงดนตรีเบาๆไพเราะใน
อากาศเย็นสบาย จากนั้นก็จิบเครื่องดื่มสมุนไพรรสดีก่อนจะเข้าสู่กระบวนการของสปา เช่น นวดหน้า นวดตัว อาบน้ำแร่ เป็นต้น

2. ช่วงเวลาของการผ่อนคลายจากการใช้บริการ ทั้งทางร่างกายและจิตใจทำให้ความตึงเครียดลดลง คือ ไม่ว่าจะเข้าไปทำอะไรในสปาก็ตามอย่างน้อยที่สุดท่านควรจะได้รับความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว สบายใจ
ความกังวลใจในเรื่องต่างๆ ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง เมื่อความตึงเครียดลดลงแล้ว จะเกิดสมาธิ ความสุขสดชื่น

3. ได้พลังแห่งชีวิต พร้อมทจ่ะเริ่มต้นใหม่ให้เข้มแข็งขึ้น สำหรับคนทีอ่อนล้าจะอยากได้กำลังวังชากลับคืนมา ส่วนคนที่มีอาการป่วยที่ไปสปาบำบัด เมดิคอล สปา ก็ต้องการที่จะหายจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย
กลับมาแข็งแรงสดใสกว่าเดิม การใช้บริการสปาจึงหมายถึงช่วงเวลาที่จะได้สัมผัสกับความรู้สกโล่ง เบา ปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย เกิดความสงบภายใน ขณะเดียวกันได้รับความสุข ความเพลิดเพลิน และการฟื้นฟูสุขภาพไปพร้อมกัน

องค์ประกอบสำคัญของสปา
สปา ควรมีองค์ประกอบที่ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงศาสตร์และศิลป์ของการบำบัด โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ดังนี้

1. รูป: คือ การเนรมิตสถานที่ให้มีความรื่น สงบ ก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยความสดชื่นจากธรรมชาติ เช่น บ่อน้ำพุร้อน มุมสงบของทะเล ป่า เป็นต้น หรือการตกแต่งสถานที่ให้มีบรรยากาศของ
ความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้เขียว ร่มรื่น ดอกไม้หลากสีสัน จะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจของผู้ใช้บริการ ดังจะเห็นได้จากโรงแรมหรือรีสอร์ตตามต่างจังหวัด ที่พยายามเลือกแหล่ง
ธรรมชาติที่สวยงาม และตกแต่งสถานบริการให้สร้างสุนทรียภาพสำหรับสปาเล็กๆ แม้กระทั่งร้านนวดเพื่อสุขภาพ สวดเพื่อเสริมสวยก็ควรตกแต่งร้านให้สวยงาม สะอาด ซึ่งสามารถดึงดูดใจลูกค้าให้ได้
มานั่งพักให้นวดซ้ำบ่อยๆ

2. รส: จากบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มแบบสปาคิวซีน เน้นผักผลไม้ อาหารจากธรรมชาติที่สะอาด สด คุณภาพดี ที่สร้างความสดชื่นคุณสมบัติช่วยขับสารพิษในร่างกาย และเสริมสร้างสุขภาพได้เป็นอย่างดี ภายใต้การดูแลของนักโภชนาการ ส่วนสปาเล็กๆหรือร้านนวดทั่วไปควรมีน้ำดื่มสมุนไพรบริการด้วย

3. กลิ่น: จากการบำบัดด้วยสุคนธบำบัด (Aromatherapy) โดยการเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยให้เหมาะกับอาการ เหมาะกับบุคคล เพราะกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกัน
หรือมีบริการด้วยพฤกษาธรรมชาติหรือสมุนไพร เช่น แช่เท้าในอ่างน้ำที่ลอยดอกไม้กลิ่นหอม ส่วนร้านนวดอาจล้างเท้าลูกค้าด้วยน้ำแช่มะกรูดผ่าซีก เป็นต้น

4. เสียง: จากการนำเสียงต่างๆ เช่น เสียงเพลงบรรเลง สร้างเสียงน้ำตกเสียงนกร้อง หรือเสียงธรรมชาติอื่นๆ เป็นต้น มาช่วยในการผ่อนคลายซึ่งได้รับการยอมรับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันว่าเสียงมีพลังต่อจิตใจ
สร้างความสงบ ผ่อนคลาย และการบำบัดโรค

5. สัมผัส: จากการนวดเพื่อผ่อนคลาย โดยให้ความใส่ใจต่อองค์ประกอบของความเป็นมนุษย์แบบองค์รวมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณการบำบัดด้วยการนวดจะช่วยให้ระบบโลหิต กล้ามเนื้อ และระบบ
ประสาทต่าง ๆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้างพลังกายและพลังใจให้กับผู้รับบริการอีกด้วย

สิ่งที่การตลาดของสปาควรทำ
1. ทำเลเยี่ยม (Right Location)เป็นจุดที่พักอาศัยหรือใจกลางสำนักงาน แม้แตอยูกลัตลาดก็ยังจัดว
เหมาะสม เพียงแต่จัดรูปทรงอาคารให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้มาใช้บริการ คงความเป็นเอกลักษณ์อยู่ด้วย ภาพลักษณ์ที่ชัดเจน โดดเด่น จับด้องได้ ช่วยให้คนทั่วๆไปได้รู้จัก ลูกค้าก็จะตามมา ในเรื่องของทำเลท่กล้ชุมชนแล้ว ควรให้ง่ายต่อการมองเห็น ง่ายต่อการมองหา. ไม่ดูลึกลับซับซ้อน เพราะลูกค้าจะต้องเชื่อมั่น
เรื่องความปลอดภัย แล้วที่สำคัญต้องมีที่จอดรถให้ลูกค้าที่ขับรถมาเองด้วย

2. สินค้า/บริการดี (Right product service)
สำคัญไม่แพ้ข้อแรก คือ ต้องบริการดีลูกค้าพอใจ และติดอกติดใจที่จะกลับมาใช้บริการอีก ราคาสมเหตุสมผลและพอเหมาะกับลูกค้าเป้าหมายของคุณ เลือกของดีให้กับลูกค้า แต่ระวังของดีของคุณกับของดีของลูกค้าอาจจะเป็นคนละอย่างกัน เช่น คุณชอบของไทย แต่ลูกค้าชอบของต่างประเทศ เป็นต้น
คนไทยส่วนใหญ่ชอบนวดแผนไทยธรรมดา 1-2 ชั่วโมง

3. ส่งเสริมการขายดี (Right promotion)
ปรับเปลี่ยนรูปแบบของชุดนวดให้เข้ากับแนวโน้มต่างๆของลูกค้า ให้มีโปรโมชั่นพิเศษบ้างเป็นครั้งคราว การให้คูปองส่วนลด ยิ่งมาใช้บ่อยส่วนลดจะมากขึ้น เพื่อดึงดูดใจ แทนที่ลูกค้าจะไปที่อื่นก็มาหาคุณแทนเพราะมีสวนลดดึงดูด ในขณะเดียวกันคุณภาพการนวดยังเสมอต้นเสมอปลาย หรือมีจัดการ
ขายคูปองชนิด 1 ใบ ใช้ได้ 10 ครั้ง แล้วยังมีส่วนลดให้ 20% ทุกครั้งที่มานวดซื้อไปแล้วสามารถโอนลทธิ์ให้ใครใช้กด้ ข้อดีในทางธุรกิจคือ คุณได้เงินมาก่อนการใช้บริการ โดยที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าประมาณร้อยละ 20-30 ซื้อไว้แต่ไม่กลับมาใช้บริการจนหมดอายุ อีกทั้งคุณจะได้ลูกค้าหน้าใหม่ที่เป็นญาติหรือเพื่อนของคนที่ซื้อคูปองมาด้วย ในต่างจังหวัดยังนิยมการโฆษณาทางวิทยุให้คนได้รู้จักอีกด้วย แน่นอนที่สุด ร้านนวดคงทำอะไรๆอย่างอื่นอีกมากมายให้ธุรกิจสปาดำเนินไปอย่างก้าวหน้า



ที่มา หนังสือสปาธุรกิจทำเงิน

5.31.2554

ลูกประคบ

การประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน นำ
ลูกประคบบริเวณที่เจ็บปวด เคล็ดขัดยอก อาศัยความร้อนและคุณสมบัติสมุนไพร ทำให้
อาการดีขึ้น คนไทยนิยมใช้รักษากันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน โดยมักใช้
รักษาควบคู่กับการนวดไทย คือ หลังจากนวดเสร็จแล้วจึงประคบนาบไปตาม
ร่างกาย ผลของความร้อนที่ได้จากการประคบทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว
และตัวยาสมุนไพรร้อน ๆซึมผ่านชั้นผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย และยังช่วยทำให้
เนื้อเยื่อพังผืดยืดตัวออก ลดการติดขัดของข้อต่อ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
ลดปวด ช่วยลดการบวมที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ
และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตสมุนไพรที่ใช้ในตำรับยาลูกประคบไม่แตกต่างกันไปในวัตถุประสงค์ของการรักษา

ลูกประคบ
ภาพจากthaidbmarket.com
เช่น ตำรับแก้ปวดเมื่อย ตำรับแก้เหน็บชา ตำรับแก้อัมพฤกษ์ อัมพาตสำหรับแก้ตะคริว เป็นต้น

ตำรับแก้ปวดเมื่อยของแต่ละแห่งอาจไม่ใช่สูตรเดียวกัน แต่มีตัวยาหลักเหมือนกัน
ส่วนประกอบลูกประคบตำรับแก้ปวดเมื่อยเคล็ดขัคยอก
หัวไพลสด 1/2 กิโลกรัม
หัวขมิ้นอ้อยและขมิ้นชัน รวมกันให้ได้ 1 ขีด
ต้นตะไคร้บ้าน 1 ขีด
ผิวมะกรูด ถ้าไม่มีใช้ใบแท้ได้ 2 ขีด
ใบมะขาม 3 ขด
ใบส้มป่อย 1 ขีด
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
การบูร 1 ช้อนชา
พิมเสน 1 ช้อนชา
เถาเอ็นอ่อน 1/2 ขีด

ตัวยาสมุนไพรส่วนใหญ่มีสรรพคุณในการแก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ทำให้
เส้นเอ็นคลายตัว เมื่อโดนความร้อนจากลูกประคบ ส่งยาออกมาเสริมฤทธิ์
ความร้อน จะส่งผลดีในการรักษา ยิ่งใช้สมุนไพรสดๆด้วยแล้วจะมีสารสำคัญ
มากกว่าสมุนไพรเเห้ง น้ำมันหอมระเหยมีมากกว่า เวลาที่ไปซื้อลูกประคบ
ตามร้านจึงไม่ดีเท่าสมุนไพรลูกประคบทำเองจากสมุนไพรสด

นอกจากนี้อาจใช้สมุนไพรอื่นร่วมอีก เช่น ว่านนางคำ ใบพลับพลึง ขิงสด
หัวหอม ย่านน้ำ ดีปลี เปราะหอม ผักบุ้ง เปลือกชลูด เป็นต้น ตามแต่จะหามา
ได้เท่าไร แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ หัวไพล ผิวมะกรูด ใบมะขาม และใบส้มป่อย

1.ไพล แก้ปวดเมื่อย ลดอักเสบ
2.ผิวมะกรูด มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
3.ตะไคร้บ้าน ใช้แต่งกลิ่น บรรเทาปวดเมื่อย ลดอักเสบ
4.ใบมะขาม เhก้อาการคันตามร่างกาย บำรุงผิว
5.ขมิ้นชัน ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
6.เกลือ ช่วยดูดความร้อนและช่วยพาตัวยาซึมผานผิวหนังได้สะดวกขึ้น
7.พิมเสน ใช้แต่งกลิ่น แก้พุพอง แก้หวัด คัดจมูก
8.การบูร ช่วยแต่งกลิ่นและบำรุงหัวใจ
9.ใบส้มป่อยช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดันโลหิต
10.เถาเอ็นอ่อน แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น

วิธีทำลูกประคบ
1.ล้างสมุนไพรให้สะอาด แล้วหันหัวไพล ขมิ้นชัน ต้นตะไคร้ ผิวมะกรู
แล้วโขลกพอแหลก
2.นำมาผสมกับใบมะขาม ใบส้มป่อย เกลือ พิมเสน การบูร ให้เข้ากัน
โดยทั่ว และอย่าให้แฉะเกินไป
3.แบ่งตัวยาที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วได้ประมาณ 3 ส่วน (ขึ้นกับขนาด
ลูกประคบ) ห่อด้วยผ่าดิบขนาด 35x35 เซนติเมตร รัดด้วยเชือกสีขาวให้แน่น

วิธีการประคบ
1.จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น ท่านอนหงาย หรือนอนตะแคง ขึ้นกับตำแหน่งที่ต้องการประคบ เป็นต้น
2.นำลูกประคบไปนึ่งพอให้ร้อน ประมาณ 10-15 นาที ใช้ผ้าจับลูกประคบยกออกจากหม้อนึ่ง
3.ทดสอบความร้อนที่ท้องแขนหรือที่หลังมือก่อนว่าร้อนพอเหมาะหรือยัง
4.วางประคบผิวหนังเร็วๆในช่วงแรกเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยร้อนเกินไป สักพัก
ลูกประคบคลายร้อยลงให้นาบประคบนานขึ้น และเปลี่ยนลูกประคบเมื่อเย็นเกินไป
5.หากบริเวณที่ต้องการประสบมีเนื้อที่มาก เช่น ประคบทั้งตัว เป็นต้น ควร
ใช้ลูกประคบ 2 ลูก นึ่งสลับกันไม่ให้ขาดตอน

ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ลูกประทับที่ร้อนเกินไป ถ้าด้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อน
ควรระวังเป็นพิเศษในเด็ก ผู้ปวยอัมพาต ผู้สูงอายุ เพราะผิวบอบบาง ระวัง
ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะประสาทรับความร้อนหนาวอาจเสื่อมลง
อย่าใช้ลูกประคบร้อนประคบแผลอักเสบปวด บวม ที่เพิ่งเกิดขึ้นใน 24
ชั่วโมง เพราะจะทำให้รวมมากขึ้น หากต้องการประคบควรใช้ประคบเย็นเพือ
หยุดการอักเสบและบรรเทาปวด หลังประคบสมุนไพร ควรรอให้ตัวยาซึมเข้า
ผิวหนังให้หมด อย่ารีบไปอาบน้ำหรือล้างน้ำ

วิธีเก็บรักษาลูกประคบ
ลูกประคบที่นั่งใช้แล้ว สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 3-5 วัน (หากไม่บูดเสีย
ก่อน) โดยเก็บไว้ในตู้เย็น หากไม่เก็บในตู้เย็นให้นำไปผึ่งแดดให้แห้งเสียก่อน
ก่อนจะนั่งอีกครั้ง หากลูกประคบแห้งเกินไปควรพรมน้ำให้ชุ่มก่อน
หากลูกประสบมีสีจางลง ไม่ค่อยมีสีเหลืองออกมาแล้ว แสดงว่ายาจืด
ทิ้งได้แล้ว

ประโยชน์ของการประคบ
1.บรรเทาอาการปวดเมื่อย
2.ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ หลังการบาดเจ็บ ๒๔-๔๘ ชั่วโมง
3.ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
4.ช่วยให้เนื้อเยื่อ พังผืด ยืดตัวออก
5.ลดอาการติดขัดของข้อต่อ
6.ลดอาการปวด
7.ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ที่มา หนังสือ สปา ธุรกิจทำเงิน

5.22.2554

บริการ สปา

ความสุขจากสปามีให้เลือกหลากหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าสปาประเภท
ไหนจะเลือกใช้อะไร บริการของสปาท่ด้รับความนิยมมีหลายแบบด้วยกัน คือ

1.การนวตร่างกาย (Body Massage)
เป็นทางเลือกยอดนิยมของการทำสปา ช่วยให้ร่างกายผอนคลายได้ดีเยี่ยม
โดยสภาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการนำเอาความ
โดดเด่นของการนวดแบบใดมาผสมผสานให้เป็นเอกลักษณ์ของสภาแต่ละแห่ง
แต่หลักๆมี 2 ประเภท คือ นวดแผนไทยกับ นวดบำบัดอโรมา รวมไปถึงการ
นวดของชนชาติอื่น เช่น การนวดแบบสวีดิช (swedish Massage) เป็นต้น
เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของโลหิตที่ผิวหนัง
โดยใช้เทคนิคการลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ มีการลูบ การเคาะ เพื่อกระตุ้นระบบ
ประสาท และการเขย่าอย่างเป็นจังหวะ ปัจจุบันมีการนำพฤกษาบำบัดเข้ามา
ใซประกอบในการนวดด้วย เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกาย
จิตใจ และ อารมณ์

บางแห่งมีคอร์สนวดกระชับไขมันส่วนเกินด้วย การนวดทุกแบบมีผลดี
ต่อสุขภาพมากน้อยต่างกันไป การนวดได้รับความนิยมอย่างสูงในเนืองไทย
โดยเฉพาะนวดแผนไทยจัดเป็นทรีตเมนท์ที่มีประจำสปาทุกแห่ง มีชื่อเสียง
ระดับโลก เพราะมีทงความนุ่มนวลเพื่อผ่อนคลาย มีทองความหนักแน่นเพื่อ
การรักษา และยังมีการประดับด้วยสมุนไพรไทย สามารถนวดเพื่อผอนคลาย
รักษาเฉพาะจุดได้ เช่น การนวดเท้า นวดไหล่ นวดหน้า นวดไขสันหลัง เพื่อ
กระตุ้นประสาท เป็นต้น

2.อบเซาน่าหรืออบสมุนไพร (Aroma steam / Herbal steam)
เป็นการกระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้าง
พร้อมที่จะขับสารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด
เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก็ได้ ขอแค่ให้มี
อุปกรณ์เครื่องซาวน่าก็ใช้ได้

3. สครับ (scrub)
คือ การกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณ
จากธรรมชาติ เช่น พืชสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการใช้เกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำ
เพื่อขจัดป้ซลล์ผิวหนังที่เส่อมสภาพให้หลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมา
ทดแทน เป็นการเติมสารอาหารให้ผิวด้วย วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
ผิวเนียนนุ่ม เรียบ และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น การขัดผิวสามารถใช้สมุนไพร
ขัดหรือใช้ครีมขัด แต่ในบางกรณีการใช้สมุนไพรขัดนั้นอาจทำให้เกิดอาการ
แพ้ หรือมีปัญหาเรื่องของความแห้งของผิวตามมาได้ ซึ่งต่างจากการใช้ครีมขัด
เพราะในครีมขัดนั้นจะมีตัวเนื้อครีมที่ช่วยให้ความลื่นในการถูหรือขัด เม็ดของ
ครีมจะทำให้อ่อนนุ่มลงลดแรงการเสียดสีกับผิวหนัง ซึ่งจะป้องกันการอักเสบ
และการแพ้ของผิวหนังได้ชาเขียวเหมาะสำหรับการลดริ้วรอยกาแฟเหมาะสำหรับการขัดสารพิษ
งาดำเหมาะสำหรับคนผิวแห้งและการบำรุงผิวผลไม้รสเปรี้ยวเหมาะกับการผลัดผิว บำรุงผิว

4.การห่อร่างกาย (Body wrap)
ห่อลำตัว และแขน ขา คล้ายการห่อทารกแรกเกิด ด้วยผลิตภัณฑ์จาก
ธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ อาจจะเป็นสาหร่ายทะเล (seaweed Mask
หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด แล้วอาจห่อด้วยผ้าห่มชุบน้ำร้อนหรือผ้าห่ม
ชุบน้ำเย็นนาน 20-30 นาที ขั้นตอนนี้ช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างคงที
รูขุมขนเป็ดกว้างเพื่อขับขปังเสยออกจากร่างกาย ฟื้นฟูสภาพผิดและยังช่วย
ในเรื่องการผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ ทำให้ร่างกายสงบ บรรเทาอาการปวดเมื่อย
กล้ามเนื้อ และข้อต่ออักเสบ

5.วารีบำบัด หรือ การบำบัตด้วยน้ำ (HydrO Therapy)
มีรูปแบบแตกต่างกันไป ตั้งแต่การแช่ดัวในน้ำ การอบตัว การห่อตัว
การประคบ การสูดดม การใช้น้ำร้อนจัดสลับเย็นจัด การฉีดน้ำ การรดน้ำ และ
ว่าย น์า

1)สปาบางแห่งอาจให้นอนแช่ในอ่างที่ผสมนามันหอมระเหย น้ำมัน
หอมระเหยให้ประโยชน์จากการซึมซับเข้าผิวหนังและการสูดดม ให้
ความสดชื่นผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด และบำบัด
อาการผิดปกติบางอย่างตามสรรพคุณของชนิดน้ำมันหอมระเหย
2)บางแห่งให้นอนแช่ในอ่างที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ (Floral Bath) แล้ว
หยดน้ำมันหอมระเหยกับเกลือแร่ลงไปผสม วิธีแฆ่ตัวแบบนี้จะช่วย
ใหพจตใจผ่อนคลายได้ดี สรรพคุณขึ้นกับน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ ควร
แชตามเวลาที่กำหนด เช่น 10-30 นาที เป็นต้น ระวังการแพ้น้ำมัน
บางชนิด และเมื่อไม่สบายไม่ควรแช่
3)การอาบน้ำที่เรียกว่า swiss shower คือ ยืนอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำ
เย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวพร้อมกัน 8-10 จุด ทั่วร่างกาย เพื่อ
กระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิต น้ำเย็นทำให้หลอดนลือดหดตัว
ทวนน้ำร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว การยืดหดของหลอดเลือด
เลือดจะกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในดวย
4)การอาบนาแบบ vichy shower เป็นการบำบัดด้วยแรงดันน้ำ อาจ
ใช้ฝักบัวหลายอันเรียงในแนวตรงตามความยาวของร่างกาย โดย
อาจให้นอนคว่ำลง มีแรงดันของน้ำที่พุ่งออกมากระทบแผ่นหลังและ
ท่อนขาอย่างครอบคลุมนาน 15-20 นาที ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้
สมุนไพรต่างๆที่นำมาพอกตัวภายหลังสามารถซึ่งเข้าสู่ผิวหนังชั้นใน
ได้ดีขึ้น ช่วยคลายเครียดและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อด้วย

๖.โภชนบำบัด (Nutrition Therapy)
เน้นการกินสารอาหารตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแห้ง อาหารปรุง
แต่ง หรือปนเปื้อนสารเคมี และสารอาหารดัดแปลง มีนักโภชนาการหรือแพทย
ทางเลือกเป็นผู้แนะนำ

7.ExerciS Breathing Therapy
เป็นวิธีบำบัดที่พบมากในสปายุคพัฒนา ซึ่งมีการออกกำลังกายหลาก
หลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งแบบแอโรบิกและยืดเส้นยืดสาย เช่น โยคะ ไทเก็ก
ชี่กง ออกกำลังกายในน้ำ รำกระบอง ฯลฯ แต่ต้องมีครูฝึกคอยให้คำแนะนำ
ที่ ถูกต้อง

8.การฝึกสมาธิ (Meditation) และ การฝึกจิต (Autogenic Training)
มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความรู้จักตนเอง เข้าใจในพฤติกรรมและปัญหา
ต่างๆของตนเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรืออุปนิสัยที่ไมต้องการออกไป
และปรับปรุงแก้ไขความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มีความสุขในสังคมและสิ่งแวดล้อม
มีชีวิตอย่างมีความหมายและมีชีวิตชีวามากขึ้น ฝึกจิตให้ลงไปถึงระดับจิตใต้
สำนึกเพื่อแก้ไขพฤติกรรม เพื่อการผ่อนคลายแลั้ เพื่อความสุข ความสำเร็จ
ในชีวิตประจำวัน ฝึกสมาธิเพื่อหยุดความคิดและอารมณ์ให้นิ่งกับความสงบ
ไม่ฟุ้งซ่าน ฝึกการปล่อยวางความคิดนำไปสู่การผ่อนคลายอย่างแท้จริง ทั้ง
ยังช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดความเครียด ตลอดจน
ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ฯลฯ

9.ดนตรีบำบัด (MusiC Therapy)
สปาบางแห่งเน้นการเปิดเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เพลงคลาสสิก
ไลท์มิวสิก เพลงไทยเดิม เพลงกลุ่มนี้จะช่วยสร้างจินตภาพเพื่อการผ่อนคลาย
ฟื้นฟูและบำบัดรักษาโรค ทาให้เกิดสมาธิ เพราะดนตรีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ การทำงานของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การตอบสนองของม่านตาความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนของเลือด จึงมีการนำดนตรีมา
ประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ

10.วิธีบำบัต่ที่อาศัยแสงต คลี่นแสง (color-Light-solar Therapy)เพื่อบำบัดฟื้นฟู เช่น พลังออรา (aura) เป็นต้น ในคนปกติมีพลังออราเป็นรัศมีที่ล้อมรอบกายหยาบอยู่ทุกทิศทาง ในลักษณะสามมิติรูปกลมรี รูปไข่ล้อมรอบร่างกาย 2-3 เมตร ผู้ที่มีปรั้ กายพลังออราอ่อน พลังภายนอกจะสามารถเข้ามาก่อกวนได้ง่าย ทำให้สามารถถูกครอบงำและเหน็ดเหนื่อยได้ง่าย ล้มเหลวง่าย และเจ็บป่วย
บางแห่งใช้การอาบแสงตะวัน (solar Therapy) ของชาวอินเดีย รวมทั้งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเครื่องมือทันสมัย การบำบัดด้วยรังสอินฟราเรดด้วยเครื่องมือทันสมัย ฝักบัวอาบน้ำแสงสี (colour shower) มีแสงไฟหลากหลายสีสัน เพื่อการบำบัดตามอารมณ์ที่ต้องการผ่อนคลายในขณะอาบน้ำเลือกได้ตามใจ เช่น สแดง ช่วยเติมพลังให้แก่ร่างกาย เhละให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา สีเหลือง ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น

11.การใช้พลังของหิน หรือคริสตัลจากธรรมชาติ(crystal-Rock Therapy)
เพื่อการผ่อนคลาย ฟื้นฟู และบำบัด โดยการวิเคราะห์จากธาตุและพฤติกรรมของแต่ละคน แล้วนำมาวางเรียงรายตามจุดฝังเข็มของร่างกาย หรือทำเป็นเครื่องประดับสวมใษด้วย นำมาวางไว้ในห้อง หรือวางไว้ใกล้ตัว ก้อนหินหรือคริสตัลเก็บความร้อนไว้ได้นาน และเปล่งรังสอินฟราเรดแบบไม่เรืองแสงทำให้ร้อนสบาย แต่ไม่ระคายเคือง ซึ่งวิธีการนี้ยังต้องมีข้อมูลยืนยันให้มากพอ

12.สมุนไพรบำบัด (Herbal Therapy)
เป็นการใช้สมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมมาเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมเพื่อสร้างความสดชื่น ลดไขมันในเลือด ลดน้ำหนัก ลดระดับน้ำตาล คลายเครียดช่วยให้นอนหลับง่าย สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ เช่น การอบไอน้ำ การแช่ตัวพอกผิว บำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมาก


ที่มาหนังสือ ธุรกิจทำเงิน

5.10.2554

การอบสมุนไพร

การอบสมุนไพรมีมาดั้งแต่สมัยโบราณของไทย เดิมใช้รักษาสุขภาพ
อนามัยแบบพื้นบ้าน โดยมักใช้ในการอยู่ไฟในหมู่สตรีคลอดบุตรใหม่ๆ ชาว
อีสานเรียกว่า "อยู่กรรม" ซึ่งประกอบด้วยวิธีการหลายอย่าง เช่น อาบน้ำร้อน
ดื่มน้ำต้มสมุนไพรอุ่นๆ และนอนผิงไฟบนแคร่ไม้ไผ่ที่ปูรองพื้นด้วยสมุนไพร
อย่างเช่น ใบหนาด ใบเป้า เป็นต้น นอกจากนี้การอบสมุนไพรสมัยก่อนยัง
นิยมใช้รักษาคนที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ถูกชก ตกต้นไม้ ช้ำใน เป็นต้น
จะใช้วิธีการอบสมุนไพรโดยการย่าง เพื่อให้การสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้
สม่ำเสมอ หรือเรียกว่าเป็นการใช้ความร้อนบำบัดนั่นเอง

การอบสมุนไพรได้รับความนิยมมากในสปา ไม่ว่าจะเป็นสปาขนาดเล็กไป
จนถึงสปาห้าดาว ถือว่าเป็นการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ ผิวหนังของคนเรา
มีพื้นที่มาก การขับสารพิษส่วนเกินออกทางเหงื่อจึงได้ผลดีมาก เวลาที่
ร่างกายทุกส่วนเกิดความร้อนขึ้นพร้อมกัน เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัว เลือด
ก็จะพรั่งพรูกันขึ้นมาที่ผิวหนังเป็นจำนวนมาก พาเอาสารเคมี สารพิษ และน้ำ
ขับออกทางเหงื่อ และในเวลาเดียวกันนั้นเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ยัง
ช่วยนำพาสารอาหารมาให้ผิวหนัง บำรุงเลี้ยงผิวหนังให้ทำงานได้ดี ผิวพรรณ
จึง สวย ขึ้น

การอบสมุนไพรมี ๒ แบบ คือ การอบแห้ง และการอบเปียก

1.การอบแห้ง (sauna)
มีใช้ในการอยู่ไฟมาแต่ดั้งเดิมของคนไทย ซึ่งมีพิธีกรรมตา่งๆที่รักษาขวัญกำลังใจสำหรับมารดาหลังคลอด มีการอาบน้ำต้ม
สมุนไพรและทาตัวด้วยขมิ้น เพื่อบำรุงรักษาอาการอักเสบที่ผิวหนัง และนิยม
อยู่ไฟหลังคลอดด้วยการนอนบนแคร่ไม้ มีกองฟืนใช้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
และการใช้ความร้อนจากกองฟืนนั้นจะช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว ช่วยให้
มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น มีการนำเตาถ่านมาใช้ประกอบการรักษาผิวพรรณและลด
น้ำหนัก ลดไขมันสวนเกิน ปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นห้องอบแห้ง

2.การอบเป็ยก (steam)
เป็นวิธีการอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพรในขณะนั้นเลย เป็นการบำบัดรักษาวิธีหนึ่งที่ทางการแพทย์ในปัจจุบัน
ยอมรับว่าสามารถช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองบริเวณผิวหนังดีขี้น
จัดเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนั่งกระโจมอยู่ไฟของหญิงหลังคลอด
ในสมัยก่อนจะนั่งในสุ่มไก่ที่ปิดคลุมไว้มิดชิด มีหม้อต้มสมุนไพรเดือดเป็นไอ
ให้อบและสูดดมไอน้ำได้ ปัจจุบันสปาต่างๆได้ห้องอบไอน้ำสมุนไพรที่ต้องมี
มาตรฐานควบคุมดูแล ใช้หม้อต้มสมุนไพรที่มีท่อส่งไอน้ำเข้าไปภายในห้องอบ
หรือหากเป็นสถานที่ไม่ใหญู่นักจะทำเป็นตู้แล้วเข้าไปนั่งอบตัว ปัจจุบันเป็นที
นิยมของคนไทยกันมาก ทั้งในอบเปียกครัวเรือน และมีบริการอบสมุนไพรใน
สปาใหญ่น้อยทั่วไป

สมุนไพรหลายชนิดถูกนำมาบรรจุรวมใส่ถุง เลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์
เพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น สมุนไพรทำให้การไหลเวียนโลหิดดีขึ้น ชวยขยาย
หลอดลมและปอด ขับก๊าซเสียไดัมากขึ้น ร่างกายสดชื่น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
หรือเน้นสมุนไพรที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็ง และลดอาการปวดตามข้อ
และกระดูก ทั้งไอน้ำของสมุนไพรจะมีตัวยาสำคัญให้สูดดมเข้าไปและส่วนหนึ่งก็ซึมเข้าทางผิวหนัง


ที่มาหนังสือ สปา ธุรกิจทำเงิน

4.19.2554

มารยาทในการนวด

การทำสปานั้นการนวดหรือถุกเนื้อต้องตัว ลูกค้าเป็นเรื่องปกติ ผู้นวดต้องรู้เรื่องมารยาทในการนวด

ก่อนทำการนวด ผู้นวดควรสำรวมจิตใจให้เป็นสมาธิ สำหรับการนวดแบบราชสำมักจะมีการยกมือไหว้ผู้ถูกนวด เพื่อเป็นการขอขมาที่ล่วงเกินบนร่างกาย

ขณะนวด ควรนั่งห่างจากผู้นวดพอสมควร ในด้านที่จะทำการนวด ไม่ควรคร่อมตัวผู้ถูกนวด สำหรับการนวดแบบราชสำนัก จะเดินเข่าเข้าหาผู้ถูกนวดอย่างน้อย 4 ศอก และนั่งห่างจากผู้ถูกนวด ประมาณ 1 ศอก และจับชีพจรอย่าหายใจรดผู้ถูกนวด สำหรับการนวดแบบราชสำนัก ได้มีคำกล่าวไว้ว่าแม้ลมหายใจ ไม่ให้รดพระวรกายขณะทาการนวด จึงมักจะหันหน้าตรงไปข้างหน้า โดยไม่ก้มหน้า และไม่เงยหน้ามองฟ้า อันเป็นการแสดงความไม่เคารพ ขณะทำการนวด ห้ามทานอาหารหรือเครื่องดื่ม และระมัดระวังคำพูดทีอาจทำให้ผู้ถูกนวดตกใจ สะเทือนใจ สังเกตอาการผู้ถูกนวดอยู่เสมอ ควรหยุดเมื่อผู้ถูกนวดขอให้พัก หรือเจ็บปวดจนทนไม่ไหวเมื่อผู้นวดไม่สบาย มข้ เจ็บป่วย ไม่ควรรับนวด และหากการนวดเพื่อ บำบัดนั้นเกินความสามารถของตนเอง ควรส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อควรระวังในการนวด-ในกรณีที่นวดท้อง ไม่ควรนวดผู้ทีรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ (ไม่เกิน 30 นาที)
-ไม่นวดอย่างรุนแรงหรือนานเกินไป เพราะอาจเกิดการอักเสบ ฟกชา
มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ เช่น หน้าหู ใกล้กระดูกไหปลาร้า รักแร้ เป็นต้น
-กรณีผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสง ต้องระมัดระวังในการนวด ในกรณีเป็นความดันโลหิตสูงและ
เส้นเลือดแดงที่ท้องเป็นกระเปาะ ไม่ควรกดท้อง เพราะเส่ยงต่อการทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ท้องปริแตกจนมีอันตรายถึงเสียชีวิตได้
-ไม่ควรนวดผู้ที่มีอาการอักเสบดิดเชื้อ คือ มีไข้มากกว่า 37 องศาเซลเซียส ปวด บวม แดง ร้อน
-ไม่ควรนวดผู้ที่เพิงประสบอุบัติเหตุใหม่ ๆ ควรได้รับการช่วยเหลือ
ข้างต้น และตรวจวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หากเกินความสามารถควรประสานความร่วมมือกับแพทย์แผนปัจจุบัน
-หากมีการดัดหรือดึงร่วมด้วยจะต้องระวังมาก การดัดหรือดึงที่คออาจ
ทำให้กระดูกคอทับเส้นประสาทได้ การดัดหลังอย่างรุนแรงอาจทำให้
มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ซึ่งหากมีเส้นประสาทอยู่ใกล้จะได้รับอันตรายไปด้วย
-การเปิดปิดประตูลมไม่ควรกดนานกว่า 45 วินาที และอย่าใช้แรงกดมากเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดเลือดช้ำอักเสบ รวมทั้งเส้นประสาท
ขาดเลือดไปเลี้ยงนานเกินไป ทำให้เกิดอาการชา

**ข้อบ่งชี้ในการนวคแผนไทย
-การบวมที่ไม่ได้เกิดจากการอักเสบ แต่เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี
-อัมพาต เช่น ตาหลับไม่ลง ยักคิ้วไม่ได้ ปากเบี้ยว ขากรรไกรค้าง คางห้อยลง อ้าปากไม่ขึ้น เป็นต้น
-หูอื้อ ลมออกหู มีเสียงดังในหู
-นวดเพื่อให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปัสสาวะดีขึ้น
-กระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น คอดกหมอน คอเอียงในเด็กเล็ก หัวไหล่ติดหัวไหล่เคลื่อน ข้อศอกเคลื่อน ข้อมือเคลื่อน ข้อผิดเพราะไม่ได้ใช้งานมือตก นิ้วมือซ้น กระดูกสันหลังคด แอ่นหรือหลังงอ หลังค่อม ลูกสะบ้าเคลื่อน ข้อเท้าแพลง กล้ามเนื้ออักเสบจากการกีฬา เป็นต้น
-ดานเลือด: มีเลือดคั่งค้างในโพรงมดลูก
-ดานลม: ท้องผูก อุจจาระแข็ง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ปลายมือปลายเท้า ชา
-มดลูกเคลื่อน มดลูกตะแคง มดลูกต่ำ คือ มดลูกเคลื่อนตัวไปทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย มดลูกลอย คือ มดลูกเคลื่อน
ตัวสูงขึ้น ลักษณะคือ ผายลมทางช่องคลอด

**ข้อห้ามในการนวค
ในกรณีที่มีอาการเหล่านี้ ห้ามทำการนวด
-โรคติดเชื้อ มข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว
-โรคผิวหนัง เพราะจะทำให้เชื้อแพร่ออกไปบริเวณอื่น และแพร่มาHูผู้นวด ด้วย
-ขณะมีอาการอักเสบ เพราะจะทำให้การอักเสบมากขึ้น
-บริเวณที่มีบาดแผลห้ามนวด อาจทำให้แผลช้ำ หรือแผลปริแยก
-บริเวณที่เป็นมะเร็ง จะทำให้มะเร็งแพร่ออกไป

4.01.2554

ประโยชน์ของการนวด

การนวด มีมาตั้งแต่โบราณ ในแทบทุกทวีปของโลก เป็นการบำบัดที่เอาใจใส่ทั้งทางร่างกายจิตใจและอารมณ์ ศาสตร์แห่งการนวดบอกไว้ว่า การนวดที่ ดีต้องทำอย่างตั้งใจ มีความรักและความเมตตา ใส่จิตใจลงไปในขณะที่นวดด้วยจังหวะและการลงน้ำหนักมือในการนวดจะเป็นไปตามความรู้สึกของผู้นวด ผู้ทำการนวดที่ดีจะมีมืออุ่น แสดงว่ามีพลังงานมาก ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า คิ ความหมายเดียวกับภาษาจีนว่ามีพลัง ชี” ถ่ายทอดให้กับคนอื่นได้

ญี่ปุ่นมีการนวด ขิดซึ (shiatsu) สวีเดนมีการนวดสวีดิชไทยมีนวดแผนไทย ประโยชน์ของการนวด ไม่ว่าจะเป็นการนวดของไทย ญี่ปุ่น สวีดิช จะมีประโยชน์คล้ายกัน ดังนี้


การนวด


- ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่อง การไหลเวียนทั่วร่างกายดีขึ้น เลือดสามารถนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงHวนต่าง ๆภายในร่างกายได้อย่างทั่วถึง


- ระบบขับของเสียไม่ว่าจะเป็นทางน้ำเหลือง และหลอดเลือดทำงานอย่างมีประสทธิภาพ ไม่สะสมพิษตกค้างไว้มาก สองภาพก็ดีขึ้น - ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อบริเวณที่ใช้งานหนักจะเกิดการเกร็งตัวและมีสารเคมีคั่งค้างอยู ทำให้เลือดมาหลอเลี้ยงไม่สะดวก เกิด อาการปวดเมื่อยตามมา การนวดช่วยให้หายปวดเมื่อย เพราะไปคลายกล้ามเนื้อที่แกร่งให้ผ่อนคลายลง


- การนวดเป็นการกระตุ้นให้รัฌบบน้ำเหลืองทำงานได้ดีอีกด้วย โดยปรกติแล้วน้ำเหลืองจะไหลเวียนดีจากการที่ร่างกายเคลื่อนไหว หรือ จากแรงภายนอกมากระตุ้น เมื่อนวดตามตัว ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกายก็ถูกกระตุ้นให้ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันและจัดการกับเชื้อโรคต่างๆ


การนวดช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานเป็นปกติ

เด็กที่ได้รับการนวด เมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นดัวยการนวด อวัยวะต่างๆได้มีการเคลื่อนไหว ระบบต่างๆภายในตัวเขาก็จะทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งระบบ ย่อยอาหารก็จะดีตามไปด้วย จึงเกิดความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้น เพราะกระเพาะอาหาร ลำไส้และอวัยวะส่วนที่ทำหน้าที่ย่อยเเละดูดซึมมีการเคลื่อนไหว ช่วยเรื่องการขับถ่าย ทำให้มีพัฒนาการที่ดี เพราะสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นผิวหนังถูกกระตุ้นให้ทำงาน ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันที่ผิวหนังทำงานผลิต น้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวได้ดียิ่งขึ้น น้ำมันบางชนิดที่ใช้นวดบำรุงผิวพรรณได้ด้วย สร้างความผ่อนคลาย เมืองก็รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สงบ บางคนสบายตัวสบายใจจนอยากนอนหลับ ในโรงพยาบาลบางแห่งใช้การนวดเพื่อบำบัดความ เครียดและความรู้สึกซึมเศร้าให้คนไข้ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงทั้งวันทั้งคืน การนวดในลักษณะของการบำบัดรักษาโรค เช่น ปวดเรื้อรังตามตัว ปวด ศีรษะ นอนไม่หลับ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง สมาธิสั้น ไซนัสอักเสบและอีก หลายๆโรคทีเดียว ซึ่งผู้นวดต้องมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะเหมาะกับคุณแม่หลังคลอด


การนวดเพื่อผ่อนคลายจะช่วยให้สบายตัว คลายปวดเมื่อยและอารมณ์ดีขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้อหลัง ท้อง ต้นขาที่เกร็งตัวได้มีโอกาสหลายตัว และระบบไหลเวียนทั่วร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ทั้งนำของ เสยตกค้างออกจากร่างกาย และนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆทั่วถึงการนวดจะช่วยลดอาการของเส้นเลือดขอด ริดสีดวงทวาร อาการบวมตามตัว และอาการปวดหลัง หรือปวดเอว การปฏิบัติตัวของผู้นวดแผนไทย รักษาสุขภาพให้ดี หากป่วยเป็นโรคแล้วไม่ควรรักษาผู้อื่น ดูแลร่างกายให้สะอาด ตัดเล็บให้สั้น ไม่มีกลิ่นตัว และกลิ่นปาก ไม่ดื่มสุราทั้งก่อนและหลังการนวด เพราะนอกจากไม่เหมาะสมแล้วอาจควบคุมตนเองไม่ได้ สุภาพ สำรวม ไม่ลวนลาม หรือยั่วยวนลูกค้า มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่เลี้ยงไข้ เช่น ถ้าสามารถรักษาโรคนั้นๆให้หายได้ภายใน 1-2 ครั้ง ไม่หลอกลวงว่าต้องนวด 5-6 ครั้ง เพื่อหวังประโยชน์ สถานที่ซึ่งไม่ควรทำการนวด เช่น ริมถนน ใต้โคนต้นไม้ ผับ และโรงพยาบาล ยกเว้นแต่ทางโรงพยาบาลได้จัดให้มีการนวดในแผนกกายภาพบำบัด ฝึกกำลังนิ้วมือให้แข็งแรงและเชี่ยวชาญ การลงน้ำหนักแต่ละรอบ และจังหวะของการลงน้ำหนัก การลงน้ำหนักเพิ่มขึ้นทีละน้อย ทำให้กล้ามเนื้อ สามารถปรับตัวได้ดี ซึ่งการลงน้ำหนักนิ้วมือที่กดมี 3 ระดับ คือ


*น้ำหนักเบา

ประมาณร้อยละ 50 ของน้ำหนัก ที่สามารถลงได้สูงสุดเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อรู้ตัว ไม่เกร็งรับการนวด


*น้ำหนักปานกลาง

ประมาณร้อยละ 70 ของน้ำหนักที่สามารถลงได้สูงสุด ลงนำหนักเพิ่มขึ้น บนตำแหน่งทีต้องการกด


*น้ำหนักมาก

ประมาณร้อยละ 90 ของน้ำหนักที่สามารถลงได้สูงสุด ลงน้ำหนักมาก และกดนิ่งไว้ พร้อมกับกำหนดลมหายใจสั้น-ยาวตามต้องการ การกดนวตใช้เวลานานเพียงใดขึ้นกับลักษณะของโรค ระยะเวลาที่เป็นและลักษณะของโรคผู้ถูกนวด


การกดโดยใช้ระยะเวลาสั้นเกินไปการรักษาจะไม่ได้ผล การกดนานเกินไปจะทำให้มือผู้นวด และตำแหน่งที่ถูกนวดระบมได้ การวางท่านวดให้เหมาะสมกับผู้ถูกนวดด้วย



ทีมา จากหนังสือ สปาธุรกิจทำเงิน

ภาพจาก themakeupgirl.net

3.07.2554

สปาตัว

สปาตัวนอกจากช่วยผ่อนคลายแล้วยังเป็นการช่วยกระตุ้น บำบัดผิวกายให้มีการผัดเปลี่ยนได้เร็วขึ้นช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย มีวีที่ทำได้ง่ายๆดังนี้

สปาตัว

1. ร่างกายของเรานั้นจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังเป็นประจำทุกสัปดาห์ สปาตัวในบ้านก็ควรเริ่มจากการขัดตัวเพื่อขจัดผิวหนังที่เสื่อมสภาพ หาผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ในรูปแบบสคธั หรือใช้สาหร่ายทะเล เพราะช่วยขจัดผิวเสื่อมสภาพได้ลึกล้ำ รวมถึงเกลือทะเลผสมสมุนไพรหรือหาวัสดุง่ายๆ อย่างใยบวบ ขัดตัวในลักษณะวนเป็นวงกลมหรือจขใช้มะขามเปียกที่มีสภาพเป็นกรดขัดตัวก็ทำให้ผิวสะอาดสดใส

2. บ้านใครมีอ่างอาบน้ำ ให้เปิดน้ำอุ่นจัดใสอ่าง ให้อุ่นพอที่ผิวรับได้ ถ้าผิวแห้งมากกอย่าให้ร้อน
จนเกินไป ใส่ชาสำหรับไว้นอนแช่ตัว

3. จะยิ่งดีขึ้นถ้าหากหยดน้ำมันหอมระเหยลงไปในน้ำอุ่นแช่ตัวด้วย เพราะนอกจากการ
ผ่อนคลายที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยแล้ว น้ำมันยังช่วยการหมุนเวียนกระแสโลหิต ช่วยเรื่องอารมณ์
ระบบหายใจ ปรับความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย อีกทั้งมีคุณสมบัติเป็นยาป้องกันเชื้อราและ
แบคทีเรีย และจะยิ่งดีถ้ามีอ่างน้ำวนที่ช่วยนวดบริหาร กล้ามเนื้อ

4. แช่ตัวจนรู้ดิ สบายผ่อนคลาย แล้วจึงเช็ดตัวให้แห้ง แล้วตามด้วย ทาโลชั่นบำรุงผิว

สปายามหน้าร้อน

สเปรย์น้ำดอกกุหลาบ
ส่วน ผสม
น้ำกลั่น 1 1/2 ถ้วย
น้ำมันหอมระเห ยเจอราเนี่ยม 2 หยด
น้ำมันหอมระเหยกุหลาบ 4 หยด
ขวดสเปรย์แก้วเล็กๆ และสะอาด 1 ขวด

วิธีทำ
แค่นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ขวดที่มีหัวฉีดสเปรย์แล้วเขย่าให้เข้ากัน ก็จะได้สเปรย์น้ำกลิ่น
กุหลาบที่หอมและสดชื่น สำหรับฉีดหน้า ฉีดตัวคลายร้อนให้แช่สเปรย์ในตู้เย็นเพื่อเพิ่มความเย็นฉ่ำ
ช่วยคลายร้อน

Wrap คลายร้อน
ส่วนผสม
มะละกอสุก 1/2 ลูก
ดินญี่ปุ่น 3 ช้ อ นโต๊ะ
น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่ 3 หยด
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดผสมและคนให้เข้ากัน

วิธีใช้
1. หลังขัดตัวเสร็จแล้ว ชโลมส่วนผสมให้ทั่ว
2. นำผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวไว้ 20 นาที เพื่อให้สวนผสมซึมซาบเข้าสู่ผิว
3. ล้างออกด้วยน้ำธรรมชาติก็จะได้ผิดที่ใสและเย็นน้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่และดินจะทำให้
รู้สึกเย็น มะละกอและน้ำมะนาวมีเอนไซม์ซึ่งจะช่วยขัดผิวอย่างอ่อนโยน ให้ผิวใส และนุ่มนวลขึ้น

2.24.2554

การนวดน้ำมันหอมระเหย

เมื่อไปทำสปา จะขาดการนวดเพื่อน้ำมันหอมระเหย ย่อมไม่ได้เป็นเด็ดขาด เพราะการนวดถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของการบำบัดรักษาโรค และการนวดถือเป็นการถ่ายทอดความอบอุ่นจากมนุษย์สู่มนุษย์

เรามาเตรียมการนวดกันก่อน
- บรรยากาศในการนวดต้อง เป็นบรรยากาศที่สบาย ๆ สถานที่สะอาด อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย และมีความสงบ
- สีในห้องนวดต้องเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ไม่ร้อนแรง อาจเป็นสีครีม สีขาว สีฟ้าอ่อน
- ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวต้องเนื้อดีสัมผัสแล้วนุ่มสบาย สีอ่อนเย็นตา และทีสำคัญ ต้องสะอาด
- อากาศภายในห้องนวดต้องถ่ายเทได้ดี แสงสว่างในห้องควรจะสว่างไม่มากเท่าไหร่ อยู่ในระดับพอดี หรือถ้าเป็นแสงสว่างจากธรรมชาติได้จะยิ่งเป็นการดี
- ในการนวดควรเปิดเพลงเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ ควรเป็นเพลงบรรเลง
- น้ำมันหอมระเหยที่จะใช้ในการนวด ควรเลือกกลิ่นที่หอมออน ๆ และมีคุณสมบัติตามที่ต้องการ ซึ่งกลิ่นของน้ำมันชนิดไหน ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบไหน ได้กล่าวไปแล้วในบทก่อน ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งควรย้อนกลับไปเปิดดูอีกครั้ง
ในการนวดแต่ละครั้งนั้น เราใช้น้ำมันนวดประมาณ 30 ซีซี. และน้ำมันหอมระเหยที่จะใช้ผสมกับน้ำมันนวด ควรใช้น้ำมันหอมประมาณ 20 หยด

ขั้นตอนการนวดน้ำมันหอมระเหย
ให้ผู้ที่มาใช้บริการการนวดนปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ให้นอนคว่ำหน้าในท่าสบาย ๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวปิดที่หลังหนึ่งผืนและปิดที่ใต้เอวอีกหนึ่งผืน เริ่มทำการนวดดังต่อไป นี้
การนวดน้ำมันหอมระเหย นวดน้ำมันหอมระเหย

ขั้นตอนที่ 1
ให้นอนคว่ำในท่าสบาย แล้วเริ่มนวดช่วงบนของร่างกายก่อนตามภาพ โดยการนำน้ำมันมาทาให้ทั่วบริเวณแผ่นหลัง ใช้มือทั้งสองข้างนวดจากต้นเอวไปยังต้นคอ นเล้วแยกออกทางหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างตามภาพเสร็จแล้วให้นวดจากหัวไหล่ไปที่เอว แล้ววนเข้าหาสันหลังดังภาพที่ 2

นวดน้ำมันหอมระเหย

ขั้นตอนที่ 2
ให้นวดทางด้านขวาตรงสีข้างของผู้รับบริการดังภาพที่ 3 เสร็จแล้วให้นวดไล่จากเอวไปถืงรักแร้
นวดน้ำมันหอมระเหย

ขั้นตอนที่ 3ให้นวดบริเวณหัวไหล่โดยการวนหบ ๆหัวไหล่ตามภาพที่ 4


นวดน้ำมันหอมระเหย

ขั้นตอนที่ 4
ให้นวดบริเวณแผ่นหลัง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง กดนวดบริเวณบ้านข้างของกระดูกสันหลัง และใช้นิ้วกดนวดไล่จากเอวขึ้นไปจนถึงก้านคอ ดังภาพที่ 5



ขั้นตอนที่ 5
ให้นวดบริเวณต้นแขนถึงข้อศอก ตามภาพที่ 6

ภาค 2
เสร็จขั้นตอนการนวดส่วนบนของร่างกาย ต่อไปเป็นการนวดส่วนล่างของร่างกายบ้าง ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้


นวดน้ำมันหอมระเหย


ขั้นตอนที่ 1
ทาน้ำมันจากข้อเท้าถึงโคนขา พร้อมกดมือจากข้อเท้าไปจนถึงโคนขา ดังภาพที่ 7
และ 8

นวดน้ำมันหอมระเหย




นวดน้ำมันหอมระเหย


ขั้นตอนที่ 2
ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างกดนวดบริเวณน่องนวดขึ้นลงจนถึงขาอ่อน ดังภาพที่ 9 และ 10


นวดน้ำมันหอมระเหย



ขั้นตอนที่ 3
ใช้ทั้งสองนวดสลับกันที่บริเวณน่องทำสลับกันทั้งน่องซ้ายและน่องขวา ดังภาพที่ 11เมื่อเสร็จแล้วให้มานวดด้านหน้าบ้างดังต่อไปนี้


นวดน้ำมันหอมระเหย

นวดน้ำมันหอมระเหย
ขั้นตอนที่ 4
ใช้มือทั้งสองข้างทาบเข้ากับขาด้านนอกและด้านในบริเวณน่องถูนวดขึ้นลงสลับกันไปมา ดังภาพ
ที่ 12 และ 13


ถือเป็นการเสร็จขั้นตอนการนวดแบบบำบัดด้วยนำมันหอมระเหยแล้ว ขอให้ผู้อ่านทุกท่านจงผ่อนคลายด้วยการนวดแบบง่าย ๆ ตามที่แนะนำมา

2.10.2554

น้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ

น้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ มีส่วนสำคัญในการทำสปา เพราะการใช่กลิ่นบำบัดเป็นศาสตร์อีกแขนงที่ ใช้ได้ผล น้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดชนิด ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เช่น

น้ำมันหอมระเหย


น้ำมันที-ทรี (Tea-Tree)
น้ำมันที-ทรี เป็นน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากธรรมชาติที่สำคัญเป็นอย่างมาก และ
มีคุณประโยชน์อย่างมาก เพราะน้ำมันที-ทรี สามารถใช้รักษาโรคเป็นหวัดคัดจมูก หรือผู้ที่มี
อาการแพ้อากาศ อาการโพรงจมูกอักเสบ การสููดดมน้ำมันที-ทรี จะทำให้จมูกโล่ง
หายใจสะดวก น้ำมันที-ทรี มีคุณสมบัติในการบำรุงภ่งกายได้ด้วย และถ้าเรามีอาการ
เป็นหวัดคัดจมูก เราสามารถผสมน้ำมันที-ทรีลงในอ่างอาบน้ำสักประมาณ 6 หยด และลง
ไปนอนแช่ตัวในอ่าง จะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
ความมหัศจรรย์ของน้ำมันนิดนี้ ยังสามารถป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อยได้อีก เพียงแต่เราทาน้ำมันลงไปบริเวณผิวที่ต้องการป้องกันแมลงกัด แมลงก็จะไม่มากัดต่อยให้รบกวนเรา

โรสแมรี (Rosemary)
โรสแมรีมีคุณสมบัติในการกระตุ้นประสาท และสามารถขจัดโรคปวดศีรษะ ช่วย
ระบบการหมุนเวียนเลือดในสมอง และช่วยบรรเทาจิตใจที่อ่อนล้า เฉื่อยา อาการ
อ่อนเพลีย ความดันโลหิตสูง โรสแมรี่สามารถช่วยอาการเหล่านี้ได้ดี

น้ำมันลาเวนเดอร์ (Lavender)
น้ำมันลาเวนเดอร์มีคุณสมบัติสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะช่วยให้เรานอนหลับพักผอน
สบายช่วยผ่อนคลายให้หายเครียด แค่สูดดมกลิ่นน้ำมันมหัศจรรย์ชนิดนี้ ก็จะมีผล
ช่วยฟื้นฟูนเละปรับสภาพความสมดุลทั้งทางร่า่งกายและทางจิตใจ ร่างกายจะหาย
จากอ่อนเพลีย สดชื่น กระปรี้กระเปร่า น้ำมันลาเวนเดอร์ยังมีสารที่ช่วยระงับประสาท
ความตึงเครียด แถมยังช่วยกดประสาทและควบคุมการทำงานของหัวใจได้ด้วย
จำไว้ว่า ถ้าเมื่อไรเรารู้สึกท้อแท้ หดหู่หรือซึมเศร้า แค่น้ำมันลาเวนเดอร์เจือจางกับน้ำ
สักเล็กน้อย แล้วใช้สูดดม น้ำมันมหัศจรรย์ตัวนี้จะทำงานทันที

เจอราเนียม (Geranium)
น้ำมันหอมระเหยเจอราเนียม เป็นน้ำมันหอมระเหยอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบิตพิเศษ เจอราเนียมทำให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการเครียดทางประสาท ถ้าร่างกายอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรง น้ำมันชนิดนี้จะช่วยได้ จะทำให้จตใจเกิดความสมดุล กระตุ้นให้อารมณ์ เบิกบาน สูดดมน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้แล้ว จะทำให้โล่งจมูก ลดอาการเจ็บคอ แถมยังช่วยขจัดพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้อีก

ส้ม (orange)
กลิ่นของน้ำมันส้มจะช่วยให้จิตใจมีพลัง ลดความอ่อนล้า สร้างความเบิกบานใจ
นอนไม่หลับที่เกิดจากการกังวลใจ น้ำมันจากสัมยังสามารถช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
อาการบวมน้ำ แก้โรคท้องผูก ปวดท้อง ระบบอาหารไม่ย่อย กลิ่นของน้ำมันส้มก็ยัง
ช่วย ได้

ยูคาลิปตัส (Eucalyptus)
น้ำมันยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติในการหอมเย็น ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยจากยูคาลิปตัสจึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อ
ระบบทางเดินหายใจ เพียงแค่สูดดมน้ำมันยูคาลิปตัส ก็จะทำให้โรคหวัด โรคไซนัสทุเลา
ลงได้ น้ำมันยูคาลิปตัสยังมีผลต่อการปรับอารมณ์และจิตใจ ทำให้เรามีสมาธิได้ดียิ่งขึ้น
และน้ำมันยูคาลิปตัสยังมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลให้แก่ร่างกายอีกด้วย

กระดังงา (YIang YIang)
คุณสมบัติของกระดังงา คือ รักษาโรคอันเกิดจากความเครียด เช่น นอนไม่หลับ
ปวดหัว หดหู่ กังวล และอารมณ์เศร้าหมอง กลิ่นของกระดังงาจะช่วยได้ นอกจากนี้
น้ำมันกระดังงายังใช้ได้ผลสำหรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง ช่วยลดอาการอักเสบใน
ลำไส้ เล็ก

สน (pine)
สนมีคุณสมบัติต่อทางเดินหายใจ เพราะความที่มีกลิ่นหอมสดชื่นนั่นเอง และ
ใช้ได้ดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคหวัด หรือโรคทางเดินลมหายใจ สามารถนำมาทำให้เจือจาง
และใช้สวดเพื่อลดอาการปวดเมื่อย ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำให้จิตใจที่อ่อนล้ากลับมา
เข้มแข็ง ได้

ขิง (Ginger)
ขิงช่วยในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ เคล็ด ขัดยอก การหมุนเวียนโลหิต
ขิงจะทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น ลดอาการอ่อนเพลีย อ่อนล้า น้ำมันขิงจะช่วยให้เรารู้สึก
กระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา และขิงยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อระบบภายใน ได้แก่ มีคุณสมบัติ
ในการทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ ลดอาการปวดท้อง กระตุ้นจิตใจให้กระชุ่มกระชวย

ตะไคร้ (Lemon Grass)
ตะไคร้นั้นมีกลิ่นหอมมาก น้ำมันตะไคร้ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของร่างกาย

ช่วยบำรุงร่างกายเป็นอย่างดีเยี่ยม ตะไคร้ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ช่วยระงับกลิ่น
เหงื่อไคล ตะไคร้ยังช่วยลดอาการปวดศีรษะ โดยนำน้ำมันตะไคร้มาทำให้เจือจางแล้วทา
บริเวณขมับ หรือหน้าผาก ก็จะช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ กลิ่นของน้ำมันตะไคร้ยัง
สามารถขับไล่แมลงไม่ให้มารบกวนได้เช่นกัน

มะกรูด (Bergamot)
กลิ่นของน้ำมันมะกรูดจะช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้นอนหลับ ช่วยไม่ให้
อารมณ์ปรวนแปร และช่วยให้ร่างกายสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้น และมะกรุดยังมีคุณสมบัติ
ในการบรรเทาอาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ เมื่อสูดดมกลิ่นของน้ำมันมะกรูดแล้ว
เราจะรู้สึกเบิกบาน อารมณ์แจ่มใส




ขอบคุณภาพจาก hua-hinthaimassage.se

2.02.2554

โฮมสปา

วันนี้เรามาพูดถึงการจัดบ้านให้เป็น"โฮมสปา" ความจริงแล้วโฮมสปา
หรือสภาในบ้านก็คือวิถีในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอ การกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่สะอาดและมีประโยชน์ การทำความสะอาดชำระล้างร่างกาย คืนความสดใสสู่ผิวพรรณ การออกกำลังกาย การทำสมาธิเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด สภาในบ้านเป็นวิธีการรักษาสมดุลให้ทั้งกายและจิตใจ เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำบ้านเราให้เป็นสปาก็จะเป็นเรื่องที่ดีวิเศษกับตัวเราเองและคนที่เรารัก
home spa

จุดประสงค์หลักของการทำบ้านให้เป็นสปานั้นก็คือการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นกับร่างกาย
และจิตใจโดยคิดถึงความสะดวก ความเป็นส่วนตัวแม้ว่าการทำสปาด้วยตัวเองที่บ้านนั้น อาจจะไม่
สมบูรณ์แบบเท่ากับการไปใช้บริการที่สปาจริง ๆเพราะว่ามีใครมาคอยนวดหน้าหรือขัดหลังให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโฮมสปาของคุณจะสู้สปาชื่อดังไม่ได้ ช่วงไหนเวลาตรงกันกับเพื่อนๆ ก็ชวนกันมา ทำปาร์ตี้สปาที่บ้าน หรือชวนสมาชิกในครอบครัวมา ร่วมกันผ่อนคลายกับกิจกรรมที่จัดของสภาในบ้านช่วยให้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย

เดิมทีการสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของบ้านให้สะอาด รื่นรมย์ น่าอยู่อาศัย โดยคำนึง
ถึงเรื่องของการสัมผัสรับรู้โดยโสตประสาททั้ง 5 คือ
รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส

เพราะเมื่อใดที่สามารถสร้างบรรยากาศที่ส่งผลดีต่อโสตประสาททั้งหมดได้
ร่างกายของคุณก็จะสามารถซึมซับกับประโยชน์ของสภาพในบ้านได้อย่างเต็มที่

โดยหลักการของสปาคำนึงถึงการสัมผัสรับรู้ของโสตประ้สาททั้ง 5 คือ

รูป คือ
การผ่อนคลายด้วยสายตา สิ่งที่มองเห็นได้ในที่นี้คือ แสง ล รูปทรง ลวดลายข้าวของ
เครื่องใช้ เครื่องเรือน เฟอิ์ เจอพ์ีจ่ัดแต่งบ้าน

รส คือ
การบำบัดผ่อนคลายด้วยรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม

กลิ่น คือ
การผ่อนคลายด้วยการรับกลิ่นหอม ไม่ว่าจะเปนธูปหอม เทียนหอม เกลือหอม น้ำมัน หอม ระเหย

เสียง
เป็นการผ่อนคลายทางการได้ยิน สร้างบรรยากาศด้วยเสียง

สัมผัส ได้แก่
การผ่อนคลายโดยการนวด กด จุด

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำสำหรับ การทำบ้านให้เป็นสปา ก็คือ การจัดสรรพื้นที่ ตามความต้องการของตัวคุณเอง ซึ่งอาจเป็นเพียงบางส่วนของพื้นบ้านโดยอาจมีการลดทอนหรือต่อเติม แล้วแต่ความเหมาะสมของสถานที่ในบ้าน รวมไปถึงในเรื่องงบประมาณ

การจัดพื้นที่ในบ้านให้เป็นโฮมสปา
1.พื้นที่ในการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ
เช่น โยคะ เต้นแอโรบิค ถ้าคุณชอบความเป็นส่วนตัวก็เตรียมห้องสักห้องหนึ่งหรือเพียงแค่มุม
หนึ่งเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ หาอุปกรณ์ในการออกกำลังกายมาตั้งเอาไว้ อ้าแคออกกำลังกายแบบปกติ ใช้อุปกรณ์อะไร อาจเตรียมผ้านุ่ม ๆ สักผืนมาปูไว้สำหรับทำโยคะ แต่ถ้าชอบออกกำลังกายกลางแจ้งจะใช้บริเวณหน้าบ้าน หรือหลังบ้านกได้

2. พื้นที่สำหรับบำรุงผิวพรรณ
โดยการขัดตัว นวดตัว ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่มดชิด เป็นสถานที่ซึ่งคุณรู้สึกกว่าอยู่แล้วผ่อนคลายมีความสุข เช่น ถ้าห้องน้ำบ้านของคุณค่อนข้างใหญ่ อาจใช้พื้นทีบริเวณนั้น หรือใช้ห้องนั่งเล่นมุมหนึ่ง หาเก้าอี้นอนปรับพนักได้ โดยมีโต๊ะเล็กๆ ไว้วางอุปกรณ์ต่างๆ

3. พื้นทีในการบำบัดด้วยน้ำ
ในกาพำบัดแบบสภานั้น น้ำถือว่าเป็นองค์ประกอบหลักสำคัญเลย ทีเดียว

4. พื้นที่สำหรับบำบัดและผ่อนคลายจิตใจ
เป็นที่สำหรับนั่งสมาธิ ฟังเสียงน้ำไหล เป็นต้น

หลักในการจัดบ้านเพื่อทำให้เป็นโฮมสปาก็มีดังที่กล่าวไปแล้ว การจัดสปาในบ้านนั้น จะช่วยให้คุณมีพื้นที่ส่วนตัว สามารถแบ่งแยกเป็นสัดส่วน และเป็นสไตล์ตามความต้องการของตัวคุณเอง


ขอบคุณภาพจาก livingoops.com

1.26.2554

เอสเซนเชียลออยล์(Essential Oil)

วงการสปา เรามักจะได้ยินหรือได้เห็นคำว่าเอสเซนเชียลออยล์อยู่ประจำ
เอสเซนเชียลออยล์


เอสเซนเชียลออยล์ คืออะไร ?
เอสเซนเชียลออยล์ คือ น้ำมันที่สกัดได้จากต่อมน้ำมันหรือเซลล์ชนิดพิเศษในพืช หรือจากเนื้อเยื่อของต้นไม้บางชนิด


น้ำมันเหล่านี้ทำให้พืชแต่ละชนิดมีกลิ่นเฉพาะตัว กล่าวกันว่าเอสเซนเชียลออยล์ เปรียบ
เสมือนกับวิญญาณของพืชเลยทีเดียว น้ำมันหอมระเหยหรือเอสเซนเชียลออยล์จากพืชชนิดใดบ้าง
เราคงรู้จักกับน้ำมันหอมระเหยหรืออโรมาเธอราพีมากขึ้นแล้ว คราวนี้ลองมา
ดูว่าพืชตัวใดบ้าง ที่นำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ดีในบ้านเรา มีผู้เชี่ยวชาญ
ในเรื่องนี้ให้ข้อมูลว่า พืชที่ให้กลิ่นหอมที่ปลูกในบ้านเรา นำมาแบ่งเป็น 7 ประเภทดังนี้

1.พืชที่ดอกมีกลิ่นหอม
ได้แก่กุหลาบ มะลิลา มะลิซ้อน มะลิวัลย์ มะลิเลื้อย กระดังงา กฤษณา กระดงงาจีน การเวก กาหลง แก้ว กระถินหอม กาแฟ กุมาริกา กันเกรา การะเกด กล้วยไม้ กานพลู ขจร เขี้ยวกระแตเข็มหอม คัด เค้า จันทน์กะพ้อ จำปูน จำปา จำ ปี ชัยพฤกษ์ ชงโค ชะเอม ชำมะนาด ซ่อนกลิ่น ตันหยง
เทียนกิ่ง นมแมว นิลุบล น้ำผึ้ง นมตำเรีย นางแย้ม บัวเผื่อน บุนนาค บานบุพีอม บานเช้า ปทุม ประยงค์ ประดู่ ปีบ พะยอม พิกุล พุด พุดข้อน พุทธขาด พลับพลึง
มณฑา โมก ยี่โถ ยี่หุบ ราตรี ลดาวัลย์ ลำเจียก ลั่นทมลำดวน เจ็บมือนาง โศก สายหยุด สนสร้อย เสาวรส สายน้ำ ผึ้ง

2.พืชที่ใบมีกลิ่นหอม ได้แก่
กะเพราขาว กะเพราแดง กะเพราช้าง โหระพา จันทน์หอม กระพังหอม ตะไคร้ ตะไคร้หอม เตยหอม เนียม ผักชี ผักชีฝรั่ง พิมเสน พลู
มะกรูด แมงลัก ยูคาลิปดัส สะระแหน่ โหระพา

3.พืชที่เปลือกมีกลิ่นหอม ได้แก่
กระแจะ กระเทียมต้น ไม้หอม พณาปราย กะพังหัน การบูร อบเชย เอสเซนเชียลออยล์

4.พืชที่ผลหรือเคล็ดมีกลิ่นหอม ได้แก่
โกโก้ จันทน์เทศ กระวาน กาแฟ ยี่หร่า เร่ว ส้ม (ผิว) พริกไทย มะกรูด (ผิว)

5.พืซทีรากมีกลิ่นหอม ได้แก่
กระชาย กระต่ายขาว ขิง ขา ขมิ้นชัน ไพล แฝกหอม

6.พืชที่ต้นมีกลิ่นหอม ได้แก่
กฤษณา ตะไคร้ ตะไคร้หอม ตะไคร้ต้น จันทน์หอม จันทนา กำลังเสือโคร่ง จันทน์ จันทน์ชะมด

7.พืชทียางมีกลิ่นหอม ได้แก่ กำยาน

ข้อควรระวังในการใช้เอสเซนเชียลออยล์
มีข้อควรระวัง ต่างๆในการใช้เอสเซนเชียลออยล์ ดังนี้
- ห้ามรับประทาน สอดใฟในช่องคลอด หรือทวารหนัก
- ห้ามใช้เอสเซียนเชียนออยล์บริสุทธิ์ 100 0/0 ทาผิวหนังโดยตรง แต่ถ้าจะใช้ก็ต้องผสมให้เจือจางเสียก่อนก่อนที่จะนำไปใช้ ยกเว้นในบางกรณี เช่น แผล แมลงกัดต่อย แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกขนาดเล็ก และแผลสดขนาดเล็กที่สามารถใ้น้ำมันลาเวนเดอร์ หรือน้ำมันที-ทรีบริสุทธิ์ 100 % ได้ในปริมาณ 1-2 หยด
- ระวังไม่ให้เอสเซียนเขียนออยล์เข้าตา ถ้าเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำเย็นสะอาดมาก ๆเป็นเวลาอย่างต่ำ 5 นาที และหลังจากการล้างแล้ว 15 นาทียังมีอาการแสบตาอยู่อีก ให้รีบปรึกษาแพทย์
- ควรใช้เอสเซนเชียลออยล์ในปริมาณที่เหมาะสม ถ้ามากเกินไปอาจเกิดการระคายเคือง ปวดศีรษะ คลื่นไสั หรืออาจรู้สึกไม่สบายได้
- หลีกเลี่ยงการใช้เอสเซนเชียลออยล์ชนิดเดียวติดต่อกันเกิน 2 เดือน และในสัปดาห์ควรมีวันพักสัก 1 วัน
- ไม่ควร์ใช้เอสเซนเชียลออยล์ที่ไม่ทราบชื่อทางวิทยาศาสตร์หรือไม่มีเอกสารเกี่ยวกับวิธีใช้และความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยควรพิจารณาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างเพียงพอ
- ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ให้หลีกเลี่ยงการใช้เอสเซนเชียลออยล์โดยการสูดดมไอน้ำ
- กรณีที่ผิวแพ้ง่าย ควรทำการทดสอบการแพ้ก่อนใช้เอสเซนเชียลออยล์ในแต่ละชนิด
- เอสเซนเชียลออยล์จากผลไม้ตระกูลส้ม จะไวต่อรังสีอัลตรา-ไวโอเล็ต จะทำให้ผิวไหม้แดดได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงแดด หลังการทา ซึ่งเราสามารถทา หรือนวดในร่มผ้าได้
- ห้ามใช้เอสเซนเชียลออยล์ดังต่อไปนี้ ในกรณีที่เป็นลมบ้าหมู คือ โรสแมรี เซจ สวีทเฟนเนล และอีสสพ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการชักได้
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงเอสเซนเชียลออยล์ ดังต่อไปนี้ คือ โรสแมรี เซจ ไทม์ และฮีสสพ
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ ให้หลีกเลี่ยงการใช้เอสเซนเชียลออยล์ดังต่อไปนี้ คือ สวีทมาจอร์รัม ลาเวนเดอร์ กระดังงา


สำหรับสตรีมีครรภ์ ห้ามใช้เอสเซนเชียลออยล์ดังต่อไปนี้ คือ เปปเปอร์มินท์
โรสแมรี และเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรใช้เอสเซนเชียลออยล์ ทุกขนิดกับสตรีที่มีครรภ์ต่ำกว่า 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม การใช้้ผลิตภัณฑ์ประเภทสปาที่มีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบมีข้อควรระวังอยู่หลายประการได้แก่
- หลีกเลี่ยงการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 3 เดือน
- หลีกเลี่ยงการใช้ในกลุ่มที่มีปัญหาความดันโลหิต
- หลีกเลี่ยงการใช้ในกลุ่มทีมีอาการชัก
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์
- ไม่ควรให้รวมกับแอลกอฮอล์
- ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย


ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือ มีชีวิตเพิ่มชีวา กับสปาในบ้าน