10.06.2555

Treatment และการนวดแบบต่างๆ ที่ควรรู้


การให้บริการสปาในอนาคตนั้นเป็นการให้ผู้บริการปรับความสมดุลองค์รวมให้ลูกค้าทั้งด้านร่างกาย (Body) จิตใจ (Mind) วิญญาณ (spirit)

การให้บริการดูแลเพื่อความผ่อนคลายทางร่างกายจะต้องคำนึงถึงผิวพรรณด้านกายภาพของลูกค้า พนักงานและผู้บริหารควรมีความรู้พื้นฐานในด้านกายวิภาค รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องเลือกใช้

1. การทำความสะอาดผิว (Exfoliation)
 เป็นขั้นตอนแรกของการทำสปาทรีตเมนต์ทั้งหมด ซึ่งเราคุ้นเคยดีในการขัดผิวแบบต่าง ๆ โดยมีคำศัพท์ในการเรียกเฉพาะ เช่น Scrub Glow Polish Peeling เป็นต้น ซึ่งมีเทคนิคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และให้บริการทรีตเมนต์เหล่านี้ ต่างกันออกไปตามสภาพผิวของลูกค้า แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือ ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพ ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนที่ผิว ในปัจจุบันมักจะนำพวกธัญพืชหรือเกล็ดเกลือและน้ำตาลมาใช้เพื่อเพิ่มสารอาหารและสารบำรุงธรรมชาติให้ผิวพรรณด้วย




2. การพอกบำรุงผิว (Mask,pack,wrap) 
เป็นขั้นตอนของการทำความสะอาดและบำรุงผิวควบคู่กันไปด้วย ในปัจจุบันมักจะนำสาหร่าย หรือโคลนธรรมชาติจากแหล่งต่าง ๆ มาพอกบำรุงผิวพรรณให้ลูกค้า ซึ่งถ้าเป็นการพอกที่มีสิ่งห่อหุ้มบนร่างกายเพื่อเพิ่มอุณหภูมิเป็นการเปิดรูขุมขนให้รับสารบำรุง จากธรรมชาติ เรียกว่า wrap กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก สปาบางที่ใช้ใบไม้ธรรมชาติมา wrap ห่อหุ้มร่างกายลูกค้า ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาก หรือนำผ้าฝ้ายลวดลายสวยงามมาใช้ทดแทนวัสดุพลาสติก ก็เป็นเทคนิคที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้าผ่อนคลายได้

3. การใช้อุณหภูมิหรือการอบผิว (Heat Treatment) 
โดยส่วนมากเป็นที่นิยมในการทำสปา ทั้งกับหัวหน้าและผิวกาย เช่น การพ่นไอน้ำโอโซนเปิดรูขุมขน เพื่อที่จะทำความสะอาดผิว หรือการใช้ลูกประคบสมุนไพรลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ รวมทั้งการใช้หินธรรมชาติมาประคบผ่อนคลายให้ร่างกายแต่ที่คุ้นเคยกันดีก็คือการใช้อุปกรณ์ในการอบผิวกาย ซึ่งมีอยู่ 2 หลักการด้วยกัน คือ การอบไอน้ำ (steam) เป็นการใช้ความร้อนจากไอน้ำซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย สามารถทำเป็นขั้นตอนระหว่างทรีตเมนต์อื่นได้ บางสถานที่มีการใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเสริมในขั้นตอนนี้ด้วย ทรีตเมนต์นี้กำเนิดในประเทศตุรกี ส่วนการอบแห้ง (sauna) เป็นการใช้ความร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส โดยอาจจะใช้ถ่านหิน หรือเชื้อเพลิงแบบต่าง ๆ มาทำความร้อน เป็นทรีตเมนต์ที่ขจัดสิ่งตกค้างในระบบไหลเวียนได้ดี โดยมีความชื้นออกจากร่างกาย จึงควรทำสลับกับการอาบน้ำเย็น ซึ่งเป็นการชำระล้างทั้งภายนอกและภายในร่างกาย เป็นขั้นตอนหนึ่งในการขจัดอนุมูลอิสระที่ตกค้างในระบบไหลเวียน จึงไม่ควรใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ใดควบคู่กัน ใช้แต่น้ำสะอาดและอุปกรณ์ทำความร้อนอย่างเดียว ทรีตเมนต์นี้มีประวัติเริ่มในประเทเหนาว คือ ประเทศฟินแลนด์

4. วารีบำบัด (Hydrotherapy) 
การอาบหรือแช่น้ำเป็นวัฒนธรรมที่มีในหมู่ชนทุกชนชาติ บางชาติมีพิธีศักดิ์ลทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำมากมาย ตามประวัติแล้วการใช้น้ำในการบำบัดรักษามีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จนใช้สัญลักษณ์รูปเทพแห่งน้ำเป็นรูปงู ในการแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังคงใช้สัญลักษณ์นี้ การใช้น้ำในสภานั้นมีอุปกรณ์ทั้งการอาบ (shower) แบบต่าง ๆ อาทิ เช่นRain shower เป็นการอาบที่กระแสน้ำรดลงวึ่งกลางของศีรษะเป็นการผ่อนคลายสู่ประสาทส่วนกลางได้อย่างดี vichy shower เป็นอุปกรณ์การอาบแบบกายภาพบำบัด โดยผู้รับบริการนอนคว่ำและมีกระแสน้ำจากหัวฉีดด้านบนประมาณ 6- 8 หัวฉีด แรงดันน้ำจะช่วยบำบัดผ่อนคลายได้ตรงแนวกระดูกสันหลัง หรือ swiss shower เป็นอุปกรณ์การอาบที่ปรับหัวฉีดจากด้านข้างสามารถบริหารตนเองได้อย่างง่ายในปัจจุบันตามที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้แล้วพอประมาณ ส่วนการแช่น้ำ (spa Bath) คือการนำร่างกายลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำรูปแบบต่าง ๆ ก็เป็นที่นิยมในขั้นตอนวารีบำบัดเช่นกัน มีการนำน้ำมา ผสมกับสมุนไพรหลายชนิดเพื่อใช้ในการให้บริการแช่ร่างกายลูกค้าเพื่อการแช่น้ำมันหอมระเหยผสมกัดอกไม้และสมุนไพรสด (Aromatherapy)การนำโคลนทะเล (Thalasso) และการนำสาหร่ายสาหร่าย (Oligo) มาเป็นส่วนผสมในการแช่ผิวกาย วิธีการใช้สิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าการใช้อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีอื่น ๆ

5. การนวด (Massage Treatment)
 เป็นขั้นตอนที่รับความนิยมที่สุดในการให้บริการสปาทั้งหมด การนวดบำบัดมีประวัติเก่าแก่ซึ่งค้นพบในประเทศจีนกว่าห้าพันปีมาแล้ว รวมทั้งชาวเอเชียในหมู่ชนชาติที่มีวัฒนธรรมยาวนาน ก็ได้มีการคิดค้นศาสตร์การนวดแบบต่าง ๆ อาทิเช่น อินเดีย ญี่ปุ่น หรือการแพทย์แผนไทยก็ตาม ซึ่งแบ่งศาสตร์การนวดออกเป็นได้สองหลักการคือ การนวดแบบตะวันออก (oriental Massage) และการนวดแบบตะวันตก (western Massage) โดยทั้งสองศาสตร์มีเทคนิคเฉพาะที่จะแบ่งออกเป็นประภทของการนวดที่เป็นที่นิยมในปัจจจุบันมีมากมาย เป็นการบริการด้วยมือเพื่อให้เกิดผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายอย่างสูงสุด การนวดเป็นวิธีดูแลร่างกายที่เก่าแก่มากวิธีหนึ่ง อาจเริ่มต้นมาจากการสัมผัส การถูกและการกดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งการแพทย์จีนได้มีกาธันทึกไว้ครั้งแรกเมื่อประมาณ 2000ปีที่แล้ว จนกระทั่งได้มีอิทธิพลสู่ชาวตะวันตก จึงมีการบัญญัติคำว่า Massageเป็นภาษาต่าง ๆ ขึ้น โดยสันนิษฐานว่ามาจากภาษากรีก คือคำว่า (Massien)หมายถึงการสัมผัส ภาษาลาติน (Manus) หมายถึง การรักษาด้วยมือ ภาษาสันสกฤต (Makch) หมายถึงการกด ภาษาฝรั่งเศส (Masser' Masseurleuse)หมายถึง การกระทำด้วยมือ โดยหลักสุขภาพแล้ว ได้มีการบรรจุการนวดเข้าหลักสูตรกายภาพแถบกลุ่มทวีปยุโรปและยอมรับเป็นมาตรฐานโดยใช้ชื่อว่า SWEDISH    MASSAGE


การนวดแบบตะวันออก โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นการนวดแบบองค์รวมอย่างแท้จริง มีการคิดค้นการนวดในแถบประเทศในกลุ่มทวีปเอเชียกว่า 800 ชนิด โดยเป็นที่นิยมในปัจจุบันดังนี้

* การนวดแผนไทย (Thai Massage)
 แบ่งออกเป็นการนวดแบบเชลยศักดิ์ The Traditional Massage ซึ่่งใช้หลักของท่าฤๅษีดัดตน เป็นการฟื้นฟูทางกายภาพของโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมทั้งปรับระบบไหลเวียนได้ดี กาณวดแบบราชสำนัก The RoyaI Massage) เป็นการนวดที่สุภาพผ่อนคลาย โดยใช้   อุ้งมือและนิ้วกดไปตามแนวเส้นประสาทหลักหรือที่เรียกว่าเส้นประธานทั้งสิบ เพื่อปรับความสมดุลของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นการนวดที่ใช้หลักการสมาธิบำบัดโดยมีรากฐานจากศาสตร์องค์รวม (ร่างกาย จิต วิญญาณ)เป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการในสปา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะชอบให้ใช้ลูกประคบสมุนไพรผสมผสานกับการนวดชนิดนี้

  *การนวดแบบอายุรเวดาอินเดีย (lndianAyuraveda Massage)
 เป็นการนวดที่ใช้หลักการของการดำรงชีวิตอยู่ โดยการปรับการใช้ชีวิตให้กลับสู่สภาวะของธรรมชาติมากที่สุด ศาสตร์โบราณของอินเดียแบ่งสภาวะของมนุษย์ ออกเป็นสามสภาวะด้วยกันคือWata ความเบาและแห้ง Pitta ความร้อนและแหลมคม Khapa ความชื้นและความหนักแน่น โดยเรียกสภาวะนี้ในภาษาอินเดียว่า Dosha สปาส่วนใหญ่มักจะนิยมวิธีการนวดศีรษะ หยดน้ำมันงาแบบอินเดียมาเป็นโปรแกรมให้บริการขจัดดความเครียดในสปาเมนูของการนวดผ่อนคลาย

* การนวดกดจุดสะท้อนกลับแบบจีน (Reflexology Massage)
เป็นการนวดที่ใช้ศาสตร์การฝังเข็มของจีนเป็นแนวทาง โดยใช้นิ้วกดไปตามแนวเส้นประธานทั้งสิบของฝ่ามือและฝ่าเท้า นอกจากนี้ยังมีอวัยวะอื่นอีกที่สามารถนวดกดจุดได้ แต่ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก การนวดแบบนี้นิยมมากในหมู่ชนชาวตะวันตก รวมทั้งได้มีสถาบันฝึกอบรมการนวดกดจุดขึ้นอย่างมากมายใน ต่าง ประเทศ

* การนวดชิอัสทสึ (shiatsu˜ Massage) 
การนวดชนิดนี้เป็นของประเทศญี่ปุ่นใช้หลักการแบบลัทธิเซ็น (zen) โดยแฝงปรัชญาธรรมชาติ โดยหลักของความสมดุลแห่งธาตุทั้งห้า ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหะ ต่างจากการนวดพื้นบ้านแบบ อันมา (Anma) ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งผู้นวด ชิอัสทสึ หรือ เซ็นมาสซาจ นี้จะต้องเข้าใจเรื่องพลังลมปราณของธาตุทั้งห้าเป็นอย่างดี นับว่าเป็นการนวดแบบองค์รวมอีกชนิดหนึ่ง

*การนวดแบบตะวันตก 
มีพื้นฐานเทคนิคการนวดมาจากประเทศทางยุโรป ซึ่งการนวดแบบตะวันตกนี้ ใช้น้ำมันเป็นสื่อช่วย
ให้การนวดราบรื่นและผ่อนคลาย อาจจะเป็นเพราะว่าชนชาวตะวันตกโดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในส่วน
ที่หนาวเย็น จึงมีลักษณะผิวค่อนข้างแห้ง การใช้น้ำมันนวดจึงช่วยบำรุงผิวไปพร้อมกับการผ่อนคลาย ชาวตะวันตกจึงพิถีพิถันในการเลือกชนิดของน้ำมันที่จะใช้นวดควบคู่ไปกับประเภทของเทคนิคการนวด ซึ่งในปัจจุบันนี้สปาต่าง ๆได้มีการจัดทำเทคนิคการนวดต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่

* การนวดสวีดิช   (Swedish Massage) 
เป็นพื้นฐานดั้งเดิมของการนวดน้ำมันของชาวตะวันตก และเป็นมาตรฐานการนวดที่ทุกชาติ ใช้ประเมิน
ผลของผู้ให้บริการในระดับนานาชาติ มีชื่อเรียกเทคนิคท่านวด (MassageMovement) โดยใช้คำเฉพาะซึ่งปรับปรุงและคิดค้นท่านวด โดยนักกายภาพบำบัดชาวสวีเดน จนมีการนำเทคนิคการนวดแบบสวีดิชไปประยุกต์เป็นเทคนิคการนวดน้ำมันแบบต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคของการนวดแต่ละท่าจะมีผลบำบัดและ
ผ่อนคลายต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายแตกต่างกัน

* การนวดสุวคนธบำบัด (Aromatherapy Massage)
 เป็นการนวดที่ใช้น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ (Aromatherapy Essential oil)
ผสมกับน้ำมันพืชพื้นฐาน (Base oil) ในอัตราส่วนที่สามารถซึมซาบสู่ผิวหนังซึ่งมีผลต่อระบบไหลเวียน และสูดดมเข้าไปสู่ประสาทส่วนกลางซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพภายในร่างกาย การนวดสุวคนธบำบัดหรือที่นิยมเรียกกันว่านวดอโรมานี้ เป็นที่นิยมมากว่าสิบปีในสปา เพราะโดยหลักการคือ การบำบัด โดยกลิ่นสมุนไพร อโรมานั้นมีประสิทธิผลดีที่สุดจากการดม แต่การนวดก็เป็นกุศโลบายให้ลูกค้ารู้สึกเพลิดเพลินและระหว่างรับการนวดก็สามารถสูดดมกลิ่นของสมุนไพรได้นานยิ่งขึ้น ดังนั้น การนวดอโรมาจึงจะต้องพิถีพิถันกับการเลือกชนิดน้ำมันสมุนไพรให้ตรงกับสภาพร่างกายของลูกค้า โดยผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของศาสตร์อโรมาเธอราปีอย่างแท้จริง

* การนวดสปอร์ต (spod Massage) 
การนวดชนิดนี้คิดค้นมาเพื่อนวดกระตุ้นและนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือนักกีฬาโดยจะนวดไปตามแนวของกล้ามเนื้อลายจนถึงกล้ามเนื้อส่วนลึก มีเทคนิคการผ่อนคลายข้อต่อกระดูก ในปัจจุบันนี้นักกีฬากอล์ฟส่วนใหญ่มักจะมานวดสปอร์ตในสภาก่อนลงแข่งขัน เพื่อให้กระตุ้นกล้ามเนื้อเพิ่มความกระฉับกระเฉงท่านวดสปอร์ตมักจะเน้นหนักเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นระบบไหลเวียนของ กล้ามเนื้อ

*การนวดแบบศิลาบำบัด (Hot & Cold Stone Massage) 
การนวดหินบำบัดในการส่อคลื่นพลังงานกับร่างกายมนุษย์นั้น จึงควรจะมีการศึกษาถึงศาสตร์นวดหินบำบัดอย่างแท้จริง การนวดหินบำบัดเป็นเรื่องแห่งธรรมชาติที่ละเอียดอ่อน ผู้ให้บริการนวดหินบำบัดจักต้องคำนึงถึงภาวะของสภาพร่างกายจิตใจ และจิตวิญญาณทั้งของตนเองและของผู้มารับบริการอย่างแท้จริงด้วยหลักการสมาธิบำบัดอันเป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพอย่างสูงสุด


ทรีตเมนต์บริการผ่อนคลายจิตใจ (Mind Therapy)
 นอกเหนือจากที่ต้องศึกษาถึงเทคนิคต่างๆแล้ว แต่บางครั้งการบริการก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจของลูกค้า เนื่องจากสภาวะทางอารมณ์ของผู้ที่มารับบริการต่างกันไป ต้องทำให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกที่ดี อันเป็นมูลค่าเพิ่มของธุรกิจสปา ซึ่งเป็นธุรกิจที่ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วจ่ายเงินในราคาที่สูงแต่เดินออกไปโดยไม่มีสินค้าอะไร นอกจากความรู้สึกและสภาพจิตใจที่อิ่มเอิบ โดยผู้ประกอบการจะต้องใช้หลักการผ่อนคลายที่ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่

1.  ตา 
ที่สื่อกับระบบประสาทแล้วสะท้อนสู่สมอง ซึ่งจะมีระบบประสาทโยงใยสู่ระบบอวัยวะต่างๆ สี แสง และรูปทรงของวัตถุต่างๆ จะสามารถกระตุ้นผ่อนคลายและให้ความสมดุลแก่ร่างกายได้ สปาที่เข้าใจถึงจิตใจที่ผ่านการมองเห็นนั้น จึงควรใช้เส้นและอุปกรณ์ตกแต่ง ให้เข้ากับแนวทางของการให้บริการ หรือการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้ให้มีรูปทรงเหมาะกับในแต่ละแผนกของสปา

2.  ลิ้น 
เป็นสื่อผ่อนคลาย กระตุ้น และสมดุล ส่งผลต่ออวัยวะและต่อมต่าง ๆ โดยประสาทรับรู้รสชาติของลิ้นจะอยู่ในบริเวณที่ต่างกัน ได้แก่ รสขมอยู่บริเวณโคนลิ้น รสหวานอยู่ปลายลิ้น รสเปรี้ยวอยู่ด้านข้างลิ้น รสเค็มอยู่แผ่นกลางลิ้นซึ่งในแต่ละรสชาติและแต่ละส่วนของลิ้น จะมีผลสะท้อนเข้าสู่ระบบประสาทต่างกัน ดังนั้น สปาที่มีความชำนาญจึงควรมีเครื่องดื่มและของว่าง เพื่อบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังรับการบริการในแต่ละโปรแกรมที่แตกต่างกัน รวมทั้งเครื่องดื่มสมุนไพรที่อุ่นหรือเย็น หรือที่มีรสชาติ
ออกเปรี้ยวหรือหวาน เป็นต้น

3.  จมูก 
เป็นการใช้พลังงานจากพืชธรรมชาติ (Aromatherapy) มาบำบัดผ่อนคลายโดยรับเข้าทางลมหายใจ สู่ระบบไหลเวียนและระบบประสาท โดยมีสรรพคุณในการบำบัดจิตใจและร่างกายที่ต่างกัน การใช้กลิ่นอโรมาในสภาแต่ละโปรแกรมบริการจึงควรพิถีพิถันให้ลูกค้ามีส่วนเลือกกลิ่นบำบัดด้วยตนเอง

4.  หู 
การบำบัดจิตใจโดยใช้เสียงเพลง เสียงธรรมชาติ และคลื่นเสียงต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลต่อคลื่นสมอง อันส่ง
ผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ เสียงบางเสียงส่งผลช่วยกระตุ้นอารมณ์ของผู้ที่ซึมเศร้า บาง
เสียงผ่อนคลายความตึงเครียด บางเสียงปรับสภาวะให้รู้สึกสดชื่นสมดุล จึงจะต้องมีการใช้
เสียงเพลงบำบัดในสภาที่หลากหลายตามความรู้สึกของลูกค้าแต่ละคนด้วย

5.  ผิวหนัง
 ผิวเป็นระบบอวัยวะที่มีพื้นที่กว้างและมีเซลล์ประสาทมากมาย โดยเฉพาะเซลล์ประสาทอัตโนมัติ มี
หน้าที่รับความรู้สึกร้อน หนาวเย็น และบรรยากาศซึ่งอุณหภูมิ ร้อน อุ่น เย็น ให้ผลต่อระบบไหลเวียน และระบบประสาทที่ต่างกันโดยทั่วไปของธุรกิจสปานั้น ถ้ามีแนวทางวิเคราะห์ลูกค้าให้ถูกต้องกับสภาวะจิตมีผลให้การเลือกผลิตภัณฑ์ การแนะนำสปาเมนู การจัดสรรพื้นที่ให้ติดตรึงใจลูกค้า เป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจสปาองค์รวมอันเป็นที่ต้องการของตลาดทีเดียว


ทรีตเมนต์บำบัดด้านพลังภายใน (Spirit, Energy, Prana, Chi, Ki)
การบำบัดความสมดุลคลื่นพลังงานชีวิตในร่างกาย โดยอาจจะแบ่งตามศาสตร์ของแต่ละชาติ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือหยิน-หยาง ขึ้นอยู่กับความเป็นอยู่และชาติกำเนิดของแต่ละคน ศาสตร์การบำบัดด้านนี้มีเฉพาะสปาแบบตะวันออก อันมีวัฒนธรรมและกิจกรรมที่อิงหลักธรรมชาติบำบัดองค์รวม เช่น การทำโยคะ สมาธิบำบัด ชี่กง หรือการปรับลมปราณแบบต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมาผสมผสานกับสปาทรีตเมนต์ต่างๆ

   การบริการทรีตเมนต์แบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสปาแผนตะวันออกเท่านั้น จะมีการตรวจสอบลมปราณ หรือพลังชี่ ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือแบบโบราณ เช่น การใช้ปลายนิ้วสัมผัสวัดชีพจรแบบแผนจีน ในปัจจุบันมีการเรียนการสอนถึงการบำบัดแบบสปาองค์รวมในมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกที่โด่งดังในประเทศจีนและอินเดีย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น