5.31.2554

ลูกประคบ

การประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน นำ
ลูกประคบบริเวณที่เจ็บปวด เคล็ดขัดยอก อาศัยความร้อนและคุณสมบัติสมุนไพร ทำให้
อาการดีขึ้น คนไทยนิยมใช้รักษากันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน โดยมักใช้
รักษาควบคู่กับการนวดไทย คือ หลังจากนวดเสร็จแล้วจึงประคบนาบไปตาม
ร่างกาย ผลของความร้อนที่ได้จากการประคบทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว
และตัวยาสมุนไพรร้อน ๆซึมผ่านชั้นผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย และยังช่วยทำให้
เนื้อเยื่อพังผืดยืดตัวออก ลดการติดขัดของข้อต่อ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
ลดปวด ช่วยลดการบวมที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ
และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตสมุนไพรที่ใช้ในตำรับยาลูกประคบไม่แตกต่างกันไปในวัตถุประสงค์ของการรักษา

ลูกประคบ
ภาพจากthaidbmarket.com
เช่น ตำรับแก้ปวดเมื่อย ตำรับแก้เหน็บชา ตำรับแก้อัมพฤกษ์ อัมพาตสำหรับแก้ตะคริว เป็นต้น

ตำรับแก้ปวดเมื่อยของแต่ละแห่งอาจไม่ใช่สูตรเดียวกัน แต่มีตัวยาหลักเหมือนกัน
ส่วนประกอบลูกประคบตำรับแก้ปวดเมื่อยเคล็ดขัคยอก
หัวไพลสด 1/2 กิโลกรัม
หัวขมิ้นอ้อยและขมิ้นชัน รวมกันให้ได้ 1 ขีด
ต้นตะไคร้บ้าน 1 ขีด
ผิวมะกรูด ถ้าไม่มีใช้ใบแท้ได้ 2 ขีด
ใบมะขาม 3 ขด
ใบส้มป่อย 1 ขีด
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
การบูร 1 ช้อนชา
พิมเสน 1 ช้อนชา
เถาเอ็นอ่อน 1/2 ขีด

ตัวยาสมุนไพรส่วนใหญ่มีสรรพคุณในการแก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ทำให้
เส้นเอ็นคลายตัว เมื่อโดนความร้อนจากลูกประคบ ส่งยาออกมาเสริมฤทธิ์
ความร้อน จะส่งผลดีในการรักษา ยิ่งใช้สมุนไพรสดๆด้วยแล้วจะมีสารสำคัญ
มากกว่าสมุนไพรเเห้ง น้ำมันหอมระเหยมีมากกว่า เวลาที่ไปซื้อลูกประคบ
ตามร้านจึงไม่ดีเท่าสมุนไพรลูกประคบทำเองจากสมุนไพรสด

นอกจากนี้อาจใช้สมุนไพรอื่นร่วมอีก เช่น ว่านนางคำ ใบพลับพลึง ขิงสด
หัวหอม ย่านน้ำ ดีปลี เปราะหอม ผักบุ้ง เปลือกชลูด เป็นต้น ตามแต่จะหามา
ได้เท่าไร แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ หัวไพล ผิวมะกรูด ใบมะขาม และใบส้มป่อย

1.ไพล แก้ปวดเมื่อย ลดอักเสบ
2.ผิวมะกรูด มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
3.ตะไคร้บ้าน ใช้แต่งกลิ่น บรรเทาปวดเมื่อย ลดอักเสบ
4.ใบมะขาม เhก้อาการคันตามร่างกาย บำรุงผิว
5.ขมิ้นชัน ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
6.เกลือ ช่วยดูดความร้อนและช่วยพาตัวยาซึมผานผิวหนังได้สะดวกขึ้น
7.พิมเสน ใช้แต่งกลิ่น แก้พุพอง แก้หวัด คัดจมูก
8.การบูร ช่วยแต่งกลิ่นและบำรุงหัวใจ
9.ใบส้มป่อยช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดันโลหิต
10.เถาเอ็นอ่อน แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น

วิธีทำลูกประคบ
1.ล้างสมุนไพรให้สะอาด แล้วหันหัวไพล ขมิ้นชัน ต้นตะไคร้ ผิวมะกรู
แล้วโขลกพอแหลก
2.นำมาผสมกับใบมะขาม ใบส้มป่อย เกลือ พิมเสน การบูร ให้เข้ากัน
โดยทั่ว และอย่าให้แฉะเกินไป
3.แบ่งตัวยาที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วได้ประมาณ 3 ส่วน (ขึ้นกับขนาด
ลูกประคบ) ห่อด้วยผ่าดิบขนาด 35x35 เซนติเมตร รัดด้วยเชือกสีขาวให้แน่น

วิธีการประคบ
1.จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น ท่านอนหงาย หรือนอนตะแคง ขึ้นกับตำแหน่งที่ต้องการประคบ เป็นต้น
2.นำลูกประคบไปนึ่งพอให้ร้อน ประมาณ 10-15 นาที ใช้ผ้าจับลูกประคบยกออกจากหม้อนึ่ง
3.ทดสอบความร้อนที่ท้องแขนหรือที่หลังมือก่อนว่าร้อนพอเหมาะหรือยัง
4.วางประคบผิวหนังเร็วๆในช่วงแรกเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยร้อนเกินไป สักพัก
ลูกประคบคลายร้อยลงให้นาบประคบนานขึ้น และเปลี่ยนลูกประคบเมื่อเย็นเกินไป
5.หากบริเวณที่ต้องการประสบมีเนื้อที่มาก เช่น ประคบทั้งตัว เป็นต้น ควร
ใช้ลูกประคบ 2 ลูก นึ่งสลับกันไม่ให้ขาดตอน

ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ลูกประทับที่ร้อนเกินไป ถ้าด้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อน
ควรระวังเป็นพิเศษในเด็ก ผู้ปวยอัมพาต ผู้สูงอายุ เพราะผิวบอบบาง ระวัง
ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะประสาทรับความร้อนหนาวอาจเสื่อมลง
อย่าใช้ลูกประคบร้อนประคบแผลอักเสบปวด บวม ที่เพิ่งเกิดขึ้นใน 24
ชั่วโมง เพราะจะทำให้รวมมากขึ้น หากต้องการประคบควรใช้ประคบเย็นเพือ
หยุดการอักเสบและบรรเทาปวด หลังประคบสมุนไพร ควรรอให้ตัวยาซึมเข้า
ผิวหนังให้หมด อย่ารีบไปอาบน้ำหรือล้างน้ำ

วิธีเก็บรักษาลูกประคบ
ลูกประคบที่นั่งใช้แล้ว สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 3-5 วัน (หากไม่บูดเสีย
ก่อน) โดยเก็บไว้ในตู้เย็น หากไม่เก็บในตู้เย็นให้นำไปผึ่งแดดให้แห้งเสียก่อน
ก่อนจะนั่งอีกครั้ง หากลูกประคบแห้งเกินไปควรพรมน้ำให้ชุ่มก่อน
หากลูกประสบมีสีจางลง ไม่ค่อยมีสีเหลืองออกมาแล้ว แสดงว่ายาจืด
ทิ้งได้แล้ว

ประโยชน์ของการประคบ
1.บรรเทาอาการปวดเมื่อย
2.ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ หลังการบาดเจ็บ ๒๔-๔๘ ชั่วโมง
3.ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
4.ช่วยให้เนื้อเยื่อ พังผืด ยืดตัวออก
5.ลดอาการติดขัดของข้อต่อ
6.ลดอาการปวด
7.ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ที่มา หนังสือ สปา ธุรกิจทำเงิน

5.22.2554

บริการ สปา

ความสุขจากสปามีให้เลือกหลากหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าสปาประเภท
ไหนจะเลือกใช้อะไร บริการของสปาท่ด้รับความนิยมมีหลายแบบด้วยกัน คือ

1.การนวตร่างกาย (Body Massage)
เป็นทางเลือกยอดนิยมของการทำสปา ช่วยให้ร่างกายผอนคลายได้ดีเยี่ยม
โดยสภาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการนำเอาความ
โดดเด่นของการนวดแบบใดมาผสมผสานให้เป็นเอกลักษณ์ของสภาแต่ละแห่ง
แต่หลักๆมี 2 ประเภท คือ นวดแผนไทยกับ นวดบำบัดอโรมา รวมไปถึงการ
นวดของชนชาติอื่น เช่น การนวดแบบสวีดิช (swedish Massage) เป็นต้น
เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของโลหิตที่ผิวหนัง
โดยใช้เทคนิคการลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ มีการลูบ การเคาะ เพื่อกระตุ้นระบบ
ประสาท และการเขย่าอย่างเป็นจังหวะ ปัจจุบันมีการนำพฤกษาบำบัดเข้ามา
ใซประกอบในการนวดด้วย เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกาย
จิตใจ และ อารมณ์

บางแห่งมีคอร์สนวดกระชับไขมันส่วนเกินด้วย การนวดทุกแบบมีผลดี
ต่อสุขภาพมากน้อยต่างกันไป การนวดได้รับความนิยมอย่างสูงในเนืองไทย
โดยเฉพาะนวดแผนไทยจัดเป็นทรีตเมนท์ที่มีประจำสปาทุกแห่ง มีชื่อเสียง
ระดับโลก เพราะมีทงความนุ่มนวลเพื่อผ่อนคลาย มีทองความหนักแน่นเพื่อ
การรักษา และยังมีการประดับด้วยสมุนไพรไทย สามารถนวดเพื่อผอนคลาย
รักษาเฉพาะจุดได้ เช่น การนวดเท้า นวดไหล่ นวดหน้า นวดไขสันหลัง เพื่อ
กระตุ้นประสาท เป็นต้น

2.อบเซาน่าหรืออบสมุนไพร (Aroma steam / Herbal steam)
เป็นการกระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้าง
พร้อมที่จะขับสารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด
เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก็ได้ ขอแค่ให้มี
อุปกรณ์เครื่องซาวน่าก็ใช้ได้

3. สครับ (scrub)
คือ การกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณ
จากธรรมชาติ เช่น พืชสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการใช้เกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำ
เพื่อขจัดป้ซลล์ผิวหนังที่เส่อมสภาพให้หลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมา
ทดแทน เป็นการเติมสารอาหารให้ผิวด้วย วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
ผิวเนียนนุ่ม เรียบ และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น การขัดผิวสามารถใช้สมุนไพร
ขัดหรือใช้ครีมขัด แต่ในบางกรณีการใช้สมุนไพรขัดนั้นอาจทำให้เกิดอาการ
แพ้ หรือมีปัญหาเรื่องของความแห้งของผิวตามมาได้ ซึ่งต่างจากการใช้ครีมขัด
เพราะในครีมขัดนั้นจะมีตัวเนื้อครีมที่ช่วยให้ความลื่นในการถูหรือขัด เม็ดของ
ครีมจะทำให้อ่อนนุ่มลงลดแรงการเสียดสีกับผิวหนัง ซึ่งจะป้องกันการอักเสบ
และการแพ้ของผิวหนังได้ชาเขียวเหมาะสำหรับการลดริ้วรอยกาแฟเหมาะสำหรับการขัดสารพิษ
งาดำเหมาะสำหรับคนผิวแห้งและการบำรุงผิวผลไม้รสเปรี้ยวเหมาะกับการผลัดผิว บำรุงผิว

4.การห่อร่างกาย (Body wrap)
ห่อลำตัว และแขน ขา คล้ายการห่อทารกแรกเกิด ด้วยผลิตภัณฑ์จาก
ธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ อาจจะเป็นสาหร่ายทะเล (seaweed Mask
หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด แล้วอาจห่อด้วยผ้าห่มชุบน้ำร้อนหรือผ้าห่ม
ชุบน้ำเย็นนาน 20-30 นาที ขั้นตอนนี้ช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างคงที
รูขุมขนเป็ดกว้างเพื่อขับขปังเสยออกจากร่างกาย ฟื้นฟูสภาพผิดและยังช่วย
ในเรื่องการผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ ทำให้ร่างกายสงบ บรรเทาอาการปวดเมื่อย
กล้ามเนื้อ และข้อต่ออักเสบ

5.วารีบำบัด หรือ การบำบัตด้วยน้ำ (HydrO Therapy)
มีรูปแบบแตกต่างกันไป ตั้งแต่การแช่ดัวในน้ำ การอบตัว การห่อตัว
การประคบ การสูดดม การใช้น้ำร้อนจัดสลับเย็นจัด การฉีดน้ำ การรดน้ำ และ
ว่าย น์า

1)สปาบางแห่งอาจให้นอนแช่ในอ่างที่ผสมนามันหอมระเหย น้ำมัน
หอมระเหยให้ประโยชน์จากการซึมซับเข้าผิวหนังและการสูดดม ให้
ความสดชื่นผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด และบำบัด
อาการผิดปกติบางอย่างตามสรรพคุณของชนิดน้ำมันหอมระเหย
2)บางแห่งให้นอนแช่ในอ่างที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ (Floral Bath) แล้ว
หยดน้ำมันหอมระเหยกับเกลือแร่ลงไปผสม วิธีแฆ่ตัวแบบนี้จะช่วย
ใหพจตใจผ่อนคลายได้ดี สรรพคุณขึ้นกับน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ ควร
แชตามเวลาที่กำหนด เช่น 10-30 นาที เป็นต้น ระวังการแพ้น้ำมัน
บางชนิด และเมื่อไม่สบายไม่ควรแช่
3)การอาบน้ำที่เรียกว่า swiss shower คือ ยืนอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำ
เย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวพร้อมกัน 8-10 จุด ทั่วร่างกาย เพื่อ
กระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิต น้ำเย็นทำให้หลอดนลือดหดตัว
ทวนน้ำร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว การยืดหดของหลอดเลือด
เลือดจะกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในดวย
4)การอาบนาแบบ vichy shower เป็นการบำบัดด้วยแรงดันน้ำ อาจ
ใช้ฝักบัวหลายอันเรียงในแนวตรงตามความยาวของร่างกาย โดย
อาจให้นอนคว่ำลง มีแรงดันของน้ำที่พุ่งออกมากระทบแผ่นหลังและ
ท่อนขาอย่างครอบคลุมนาน 15-20 นาที ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้
สมุนไพรต่างๆที่นำมาพอกตัวภายหลังสามารถซึ่งเข้าสู่ผิวหนังชั้นใน
ได้ดีขึ้น ช่วยคลายเครียดและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อด้วย

๖.โภชนบำบัด (Nutrition Therapy)
เน้นการกินสารอาหารตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแห้ง อาหารปรุง
แต่ง หรือปนเปื้อนสารเคมี และสารอาหารดัดแปลง มีนักโภชนาการหรือแพทย
ทางเลือกเป็นผู้แนะนำ

7.ExerciS Breathing Therapy
เป็นวิธีบำบัดที่พบมากในสปายุคพัฒนา ซึ่งมีการออกกำลังกายหลาก
หลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งแบบแอโรบิกและยืดเส้นยืดสาย เช่น โยคะ ไทเก็ก
ชี่กง ออกกำลังกายในน้ำ รำกระบอง ฯลฯ แต่ต้องมีครูฝึกคอยให้คำแนะนำ
ที่ ถูกต้อง

8.การฝึกสมาธิ (Meditation) และ การฝึกจิต (Autogenic Training)
มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความรู้จักตนเอง เข้าใจในพฤติกรรมและปัญหา
ต่างๆของตนเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรืออุปนิสัยที่ไมต้องการออกไป
และปรับปรุงแก้ไขความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มีความสุขในสังคมและสิ่งแวดล้อม
มีชีวิตอย่างมีความหมายและมีชีวิตชีวามากขึ้น ฝึกจิตให้ลงไปถึงระดับจิตใต้
สำนึกเพื่อแก้ไขพฤติกรรม เพื่อการผ่อนคลายแลั้ เพื่อความสุข ความสำเร็จ
ในชีวิตประจำวัน ฝึกสมาธิเพื่อหยุดความคิดและอารมณ์ให้นิ่งกับความสงบ
ไม่ฟุ้งซ่าน ฝึกการปล่อยวางความคิดนำไปสู่การผ่อนคลายอย่างแท้จริง ทั้ง
ยังช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดความเครียด ตลอดจน
ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ฯลฯ

9.ดนตรีบำบัด (MusiC Therapy)
สปาบางแห่งเน้นการเปิดเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เพลงคลาสสิก
ไลท์มิวสิก เพลงไทยเดิม เพลงกลุ่มนี้จะช่วยสร้างจินตภาพเพื่อการผ่อนคลาย
ฟื้นฟูและบำบัดรักษาโรค ทาให้เกิดสมาธิ เพราะดนตรีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ การทำงานของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การตอบสนองของม่านตาความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนของเลือด จึงมีการนำดนตรีมา
ประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ

10.วิธีบำบัต่ที่อาศัยแสงต คลี่นแสง (color-Light-solar Therapy)เพื่อบำบัดฟื้นฟู เช่น พลังออรา (aura) เป็นต้น ในคนปกติมีพลังออราเป็นรัศมีที่ล้อมรอบกายหยาบอยู่ทุกทิศทาง ในลักษณะสามมิติรูปกลมรี รูปไข่ล้อมรอบร่างกาย 2-3 เมตร ผู้ที่มีปรั้ กายพลังออราอ่อน พลังภายนอกจะสามารถเข้ามาก่อกวนได้ง่าย ทำให้สามารถถูกครอบงำและเหน็ดเหนื่อยได้ง่าย ล้มเหลวง่าย และเจ็บป่วย
บางแห่งใช้การอาบแสงตะวัน (solar Therapy) ของชาวอินเดีย รวมทั้งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเครื่องมือทันสมัย การบำบัดด้วยรังสอินฟราเรดด้วยเครื่องมือทันสมัย ฝักบัวอาบน้ำแสงสี (colour shower) มีแสงไฟหลากหลายสีสัน เพื่อการบำบัดตามอารมณ์ที่ต้องการผ่อนคลายในขณะอาบน้ำเลือกได้ตามใจ เช่น สแดง ช่วยเติมพลังให้แก่ร่างกาย เhละให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา สีเหลือง ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น

11.การใช้พลังของหิน หรือคริสตัลจากธรรมชาติ(crystal-Rock Therapy)
เพื่อการผ่อนคลาย ฟื้นฟู และบำบัด โดยการวิเคราะห์จากธาตุและพฤติกรรมของแต่ละคน แล้วนำมาวางเรียงรายตามจุดฝังเข็มของร่างกาย หรือทำเป็นเครื่องประดับสวมใษด้วย นำมาวางไว้ในห้อง หรือวางไว้ใกล้ตัว ก้อนหินหรือคริสตัลเก็บความร้อนไว้ได้นาน และเปล่งรังสอินฟราเรดแบบไม่เรืองแสงทำให้ร้อนสบาย แต่ไม่ระคายเคือง ซึ่งวิธีการนี้ยังต้องมีข้อมูลยืนยันให้มากพอ

12.สมุนไพรบำบัด (Herbal Therapy)
เป็นการใช้สมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมมาเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมเพื่อสร้างความสดชื่น ลดไขมันในเลือด ลดน้ำหนัก ลดระดับน้ำตาล คลายเครียดช่วยให้นอนหลับง่าย สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ เช่น การอบไอน้ำ การแช่ตัวพอกผิว บำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมาก


ที่มาหนังสือ ธุรกิจทำเงิน

5.10.2554

การอบสมุนไพร

การอบสมุนไพรมีมาดั้งแต่สมัยโบราณของไทย เดิมใช้รักษาสุขภาพ
อนามัยแบบพื้นบ้าน โดยมักใช้ในการอยู่ไฟในหมู่สตรีคลอดบุตรใหม่ๆ ชาว
อีสานเรียกว่า "อยู่กรรม" ซึ่งประกอบด้วยวิธีการหลายอย่าง เช่น อาบน้ำร้อน
ดื่มน้ำต้มสมุนไพรอุ่นๆ และนอนผิงไฟบนแคร่ไม้ไผ่ที่ปูรองพื้นด้วยสมุนไพร
อย่างเช่น ใบหนาด ใบเป้า เป็นต้น นอกจากนี้การอบสมุนไพรสมัยก่อนยัง
นิยมใช้รักษาคนที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ถูกชก ตกต้นไม้ ช้ำใน เป็นต้น
จะใช้วิธีการอบสมุนไพรโดยการย่าง เพื่อให้การสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้
สม่ำเสมอ หรือเรียกว่าเป็นการใช้ความร้อนบำบัดนั่นเอง

การอบสมุนไพรได้รับความนิยมมากในสปา ไม่ว่าจะเป็นสปาขนาดเล็กไป
จนถึงสปาห้าดาว ถือว่าเป็นการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ ผิวหนังของคนเรา
มีพื้นที่มาก การขับสารพิษส่วนเกินออกทางเหงื่อจึงได้ผลดีมาก เวลาที่
ร่างกายทุกส่วนเกิดความร้อนขึ้นพร้อมกัน เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัว เลือด
ก็จะพรั่งพรูกันขึ้นมาที่ผิวหนังเป็นจำนวนมาก พาเอาสารเคมี สารพิษ และน้ำ
ขับออกทางเหงื่อ และในเวลาเดียวกันนั้นเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ยัง
ช่วยนำพาสารอาหารมาให้ผิวหนัง บำรุงเลี้ยงผิวหนังให้ทำงานได้ดี ผิวพรรณ
จึง สวย ขึ้น

การอบสมุนไพรมี ๒ แบบ คือ การอบแห้ง และการอบเปียก

1.การอบแห้ง (sauna)
มีใช้ในการอยู่ไฟมาแต่ดั้งเดิมของคนไทย ซึ่งมีพิธีกรรมตา่งๆที่รักษาขวัญกำลังใจสำหรับมารดาหลังคลอด มีการอาบน้ำต้ม
สมุนไพรและทาตัวด้วยขมิ้น เพื่อบำรุงรักษาอาการอักเสบที่ผิวหนัง และนิยม
อยู่ไฟหลังคลอดด้วยการนอนบนแคร่ไม้ มีกองฟืนใช้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
และการใช้ความร้อนจากกองฟืนนั้นจะช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว ช่วยให้
มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น มีการนำเตาถ่านมาใช้ประกอบการรักษาผิวพรรณและลด
น้ำหนัก ลดไขมันสวนเกิน ปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นห้องอบแห้ง

2.การอบเป็ยก (steam)
เป็นวิธีการอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพรในขณะนั้นเลย เป็นการบำบัดรักษาวิธีหนึ่งที่ทางการแพทย์ในปัจจุบัน
ยอมรับว่าสามารถช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองบริเวณผิวหนังดีขี้น
จัดเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนั่งกระโจมอยู่ไฟของหญิงหลังคลอด
ในสมัยก่อนจะนั่งในสุ่มไก่ที่ปิดคลุมไว้มิดชิด มีหม้อต้มสมุนไพรเดือดเป็นไอ
ให้อบและสูดดมไอน้ำได้ ปัจจุบันสปาต่างๆได้ห้องอบไอน้ำสมุนไพรที่ต้องมี
มาตรฐานควบคุมดูแล ใช้หม้อต้มสมุนไพรที่มีท่อส่งไอน้ำเข้าไปภายในห้องอบ
หรือหากเป็นสถานที่ไม่ใหญู่นักจะทำเป็นตู้แล้วเข้าไปนั่งอบตัว ปัจจุบันเป็นที
นิยมของคนไทยกันมาก ทั้งในอบเปียกครัวเรือน และมีบริการอบสมุนไพรใน
สปาใหญ่น้อยทั่วไป

สมุนไพรหลายชนิดถูกนำมาบรรจุรวมใส่ถุง เลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์
เพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น สมุนไพรทำให้การไหลเวียนโลหิดดีขึ้น ชวยขยาย
หลอดลมและปอด ขับก๊าซเสียไดัมากขึ้น ร่างกายสดชื่น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
หรือเน้นสมุนไพรที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็ง และลดอาการปวดตามข้อ
และกระดูก ทั้งไอน้ำของสมุนไพรจะมีตัวยาสำคัญให้สูดดมเข้าไปและส่วนหนึ่งก็ซึมเข้าทางผิวหนัง


ที่มาหนังสือ สปา ธุรกิจทำเงิน